หลังจากที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ หรือ Quds Force ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน เป็นผู้วางแผนโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในกรุงแบกแดด ประเทศอิรักเมื่อเร็วๆนี้ และนายพลผู้นี้ก็ถูกปลิดชีพแล้วเช้าตรู่วันนี้ (3 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น) ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่สนามบินนานาชาติในกรุงแบกแดดของอิรัก ตามคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ก็ได้ออกมาตอบโต้ทันทีว่า อิหร่านจะแก้แค้นสหรัฐฯที่สังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่าน
การตอบโต้ดังกล่าวทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อสังหารนายพลคนสำคัญของกองกำลังกุดส์ ในกรุงแบกแดดเพื่อปกป้องบุคลากรของสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯมีหลักฐานว่านายพลผู้นี้มีแผนจะโจมตีสถานทูตสหรัฐฯหลายแห่งและเป็นภัยต่อพลทหารอเมริกันในอิรักและทั่วทั้งภูมิภาค “นายพลโซเลมานีและกองกำลังกุดส์มีส่วนในการเสียชีวิตของทหารอเมริกันและพันธมิตรหลายร้อยนาย และผู้บาดเจ็บอีกนับพัน” แถลงการณ์ระบุ
เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งกว่า 4% ช่วงเช้าวันนี้ (3 ม.ค.) ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ พุ่งขึ้น 4.3% สู่ระดับ 63.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 4.4% สู่ระดับ 69.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความเข้มข้นของสถานการณ์เริ่มพุ่งขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อกองทัพสหรัฐฯได้โจมตีทางอากาศต่อที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน ทั้งในอิรักและซีเรีย เพื่อตอบโต้การก่อเหตุของกลุ่มฯในอิรักที่ทำให้พลเรือนอเมริกันเสียชีวิต 1 คน และนายทหารได้รับบาดเจ็บหลายนาย ต่อมาหลังจากนั้น ได้เกิดการประท้วงสหรัฐฯอย่างรุนแรง บริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐฯในกรุงแบกแดด ประเทศอิรักเมื่อวันอังคารส่งท้ายปี (31 ธ.ค. 2562) ลากยาวมาถึงวันพุธ (1 ม.ค. 2563) กระทั่งอาคารสถานทูตได้รับความเสียหาย และรัฐบาลสหรัฐฯประกาศกร้าวจะส่งทหาร 750 นายไปยังตะวันออกกลางทันที และอาจส่งไปสมทบอีกในอนาคตหากมีความจำเป็น