“การปิดร้านเป็นเรื่องง่าย แต่คุณจะทำยังไงกับสินค้าในสต๊อกและพนักงาน” ทาดาชิ ยาไน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ยูนิโคล่ เชนเสื้อผ้าลำลองแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ไม่ได้คาดหวังให้รัฐบาลยื่นมือช่วยเหลือทุกเรื่อง หรือรอคอยการจ่ายเงินชดเชยจากภาครัฐ ในทางกลับกันเขาเชื่อว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจค้าปลีกควรจะต้องแสดงบทบาทของตัวเองในการเป็นผู้สร้างงานและขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
“นี่คือวิกฤตการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติเคยประสบพบเจอนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา” ยาไนยอมรับว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อธุรกิจของยูนิโคล่นั้นมีไม่ใช่น้อย ๆ แต่สิ่งที่บริษัทพยายามรักษาไว้ก็คือบทบาทที่กล่าวมาข้างต้น
“ผู้นำในธุรกิจจำเป็นจะต้องแสดงบทบาทผู้นำในการรับมือกับปัญหา” ซีอีโอของยูนิโคล่ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อใหญ่ของญี่ปุ่น ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการปิดธุรกิจทั้งหมดแบบเหวี่ยงแหเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาด ในทางกลับกันเขามองว่า บริษัทต่าง ๆ ควรจะมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะจัดการกับการดำเนินธุรกิจของตนเองอย่างไร
ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ยูนิโคล่ปิดร้านเพียง 310 สาขา จากที่มีอยู่ทั้งหมด 810 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ของร้านที่ปิดนั้นเป็นเพราะตั้งอยู่ในศูนย์การค้า เมื่อศูนย์การค้าปิดชั่วคราว ทางร้านก็พลอยต้องปิดไปด้วย แต่ร้านสาขาที่ตั้งอยู่นอกศูนย์การค้า บริษัทพยายามที่จะเปิดบริการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ร้านยูนิโคล่สาขากินซ่าในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ที่สุด เพิ่งกลับมาเปิดบริการเป็นวันแรกหลังจากปิดบริการชั่วคราวไปเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ผู้บริหารของยูนิโคล่ให้ความสำคัญกับการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า การเข้ามาใช้บริการที่ร้านนั้นมีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย บริเวณหน้าร้านจะมีพนักงานใส่หน้ากากอนามัยยืนทักทายและวัดอุณหภูมิให้ลูกค้าก่อนเดินเข้าร้าน ลูกค้าจะได้รับคำแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและทาเจลฆ่าเชื้อที่มือก่อนเข้าไปเลือกซื้อสินค้าด้วย
ชุนสุเกะ คันโนะ ผู้จัดการร้านยูนิโคล่สาขากินซ่ากล่าวว่า ทางร้านต้องการสร้างความมั่นใจว่า ตราบเท่าที่ร้านยูนิโคล่เปิดให้บริการ จะต้องไม่มีลูกค้าแม้เพียงคนเดียวที่ติดเชื้อออกไปจากร้าน
นอกจากนี้ ภายในร้านยูนิโคล่ยังให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่าง (social distancing) ห้องลองเสื้อผ้าจะเปิดให้ใช้ห้องเว้นห้อง อย่างไรก็ตาม จำนวนลูกค้าที่เข้าร้านยังคงต่ำกว่าระดับปกติที่เคยเป็นมาก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะลามระบาด
เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ฟาสต์รีเทลลิ่ง บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับปีการเงินที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ว่าน่าจะลดลงได้ถึง 38% ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 และนี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่กำไรและรายได้ของบริษัทจะลดลง แต่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ซีอีโอของยูนิโคล่ก็ยังคงยืนหยัดกับนโยบายที่ว่า บริษัทจะพยายามรักษาการจ้างงานเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นสาขาในญี่ปุ่นหรือในต่างประเทศก็ตาม
ล่าสุดกลางเดือนเมษายน แม้ว่าขณะนั้นจะมีการประกาศภาวะสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและต่างจังหวัดแล้วก็ตาม แต่ยูนิโคล่ก็ยังเดินหน้าเปิดสาขา “ยูนิโคล่ ปาร์ค โยโกฮามา เบย์ไซด์” ซึ่งเป็นสาขาในบรรยากาศการช็อปปิ้งกลางแจ้ง โดยยาไนให้เหตุผลว่า นี่เป็นสาขาที่สำคัญและน่าตื่นตาตื่นใจ บริษัทต้องการให้ทุกคนเห็นว่าร้านของยูนิโคล่ยังคงเปิดให้บริการ “แน่นอนว่ามีภาระทางการเงินที่เราจะต้องแบกรับเอาไว้อย่างหนักหน่วง แต่บริษัทก็มีความจำเป็นที่จะต้องดึงดูดและรักษาคนทำงานที่มีความรู้ความสามารถเอาไว้กับองค์กรให้ได้”
ซีอีโอของยูนิโคล่ยอมรับว่า เขามองประสบการณ์ในประเทศจีนเป็นบทเรียนที่ยูนิโคล่สามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์
ช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดหนักในจีน ยูนิโคล่ต้องปิดสาขาที่นั่นเป็นการชั่วคราวจำนวนราว 390 สาขา หรือราว ๆ ครึ่งหนึ่งของที่มีทั้งหมดในประเทศจีน สาขาที่เหลือที่ยังเปิดอยู่ให้ความสำคัญอย่างมากกับการตรวจวัดอุณหภูมิและให้ลูกค้าใช้เจลล้างมือฆ่าเชื้อก่อนเข้าร้าน ทั้งพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน ต่างให้ความร่วมมือในการเว้นระยะห่าง พนักงานมีการสลับช่วงเวลาเข้าทำงานและสลับกันพักกลางวันเพื่อมีเวลามากขึ้นสำหรับสุขอนามัยของตัวเอง และพวกเขาก็พูดคุยกันให้น้อยที่สุด มาตรการที่ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดเหล่านี้ทำให้เมื่อมีการตรวจร่างกายพนักงานยูนิโคล่ทั้งหมด 30,000 คนในจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อหาเชื้อโควิด-19 จึงไม่มีใครเลยที่ผลออกมาเป็นบวก
ย้อนกลับมาที่ญี่ปุ่น หลังจากที่ร้านสาขาส่วนใหญ่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนพ.ค.นี้ ซีอีโอของยูนิโคล่มีความหวังในแง่บวกหลังได้รับเสียงสะท้อนจากลูกค้าที่กลับมาใช้บริการ ขณะเดียวกัน บริษัทยอมรับว่าจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการขายสินค้าทางออนไลน์มากยิ่งขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่บริษัทมีอยู่
ปัจจุบัน บริษัททำยอดขายจากการขายสินค้าออนไลน์เพียงราว ๆ 10% ของยอดขายรวม นอกจากนี้ เพื่อปรับไลน์สินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ความเป็นไปในสังคม ยูนิโคล่ยังเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่ เป็นหน้ากากผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี และแห้งไว โดยใช้ผ้าแบบเดียวกับสินค้าในกลุ่ม “แอริซึ่ม” (AIRism)
บริษัทมีกำหนดวางจำหน่ายสินค้าใหม่ในช่วงฤดูร้อนนี้ ทั้งภายในร้านสาขาและร้านค้าออนไลน์ของยูนิโคล่