นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้น การประชุมนโยบายการเงิน เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ว่า เศรษฐกิจสหรัฐ มีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยระบุว่า อุปสงค์ที่แข็งแกร่งอย่างมากเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมทาง เศรษฐกิจทั่วโลก ด้วย
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดระบุว่า จะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์
"มาตรการเหล่านี้ รวมทั้งการส่งสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและงบดุลของเฟด จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า นโยบายการเงินจะยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพยุงเศรษฐกิจไปจนกว่าการฟื้นตัวจะบรรลุเป้าหมาย" นายพาวเวลล์กล่าว พร้อมกับเสริมว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่คณะกรรมการเฟดจะพิจารณาเรื่องจากการปรับลดการใช้มาตรการเหล่านี้
รายงานระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับใกล้ 0% ไปจนถึงปี 2566 แต่มีกรรมการเฟด 7 ใน 18 คนคาดว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 2563 ซึ่งระบุว่า มีกรรมการเฟดเพียง 5 ใน 17 คนที่คาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับการอภิปรายเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการประชุมเฟดครั้งนี้ นายพาวเวลล์กล่าวว่า สมาชิกทุกคนในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มี หลักเกณฑ์ 3 ประการ ที่อาจทำให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งได้แก่
"ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 2 หรือ 3 ปีข้างหน้านี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงมาก และผมไม่ต้องการมุ่งเน้นเรื่องการกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลในอนาคต" ประธานเฟดกล่าว
นอกจากนี้ นายพาวเวลล์ยังย้ำด้วยว่า มาตรการสนับสนุนด้านการคลังจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่มาตรการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นศักยภาพด้านการผลิตหรือยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน
"สิ่งที่สภาคองเกรสกำลังดำเนินการในขณะนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยชดเชยการสูญเสียรายได้ และจะช่วยสนับสนุนประชาชนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นคืนสู่ภาวะปกติ แต่สิ่งที่เราควรจะจับตาดูในระยะยาวก็คือความแข็งแกร่งด้านการลงทุน" นายพาวเวลล์กล่าวในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง