สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดแถลงข่าวในเวลา 23.00 น. ของวันนี้ (6 มิ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย โดยสื่อคาดการณ์ว่า เขาจะประกาศ ยุติมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งรวมถึงแนวทางเกี่ยวกับการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย และการทำงานจากที่บ้าน
หลังจากที่อังกฤษออกข้อจำกัดที่เข้มงวดเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 นายจอห์นสันคาดหวังว่า โครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศซึ่งที่ผ่านมาทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อหรือผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเบาบางลงนั้น จะช่วยสนับสนุนบริการสาธารณสุขของประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่
ก่อนหน้านี้ นายจอห์นสันเคยกล่าวว่า ชาวอังกฤษได้เริ่มเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อไวรัส ซึ่งทุกคนจะต้องเดินหน้าจัดการกับความเสี่ยงจากโควิด-19 อย่างระมัดระวัง และตัดสินใจอย่างรอบคอบเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง
ทั้งนี้ อังกฤษเป็นชาติที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งนายจอห์นสันถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ล่าช้าทั้ง 3 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของอังกฤษถือว่ามีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยข้อมูล ณ วันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า 85% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของอังกฤษได้รับวัคซีนแล้ว 1 โดส และมี 64% ที่ได้วัคซีนครบ 2 โดสแล้ว
ขณะเดียวกัน รายงานจากสาธารณสุขอังกฤษระบุว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาไม่ให้นำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรง หรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ด้านนายโรเบิร์ต เจนริค รัฐมนตรีการเคหะของอังกฤษ เปิดเผยว่า อังกฤษจะอนุญาตให้ประชาชนเลือกเองโดยสมัครใจว่าจะใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ และย้ำว่าเป็นไปได้มากที่อังกฤษจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ได้ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ตามที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี เคยให้คำมั่นเอาไว้ เนื่องจากข้อมูลที่เป็นตัวกำหนดว่าจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์หรือไม่นั้น ค่อนข้างออกมาดี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะเป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ขั้นสุดท้ายด้วยตัวเอง โดยรัฐบาลต้องการความมั่นใจว่า ประชากรอังกฤษวัยผู้ใหญ่ทุกคนจะได้รับวัคซีนครบสองโดส ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในขณะที่อังกฤษก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวนายเจนริคเองนั้น จะเลิกใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่หากรัฐบาลอังกฤษอนุญาต เขาตอบว่า ตัวเขาเองจะเลิกใส่หน้ากาก “ผมไม่ค่อยอยากใส่หน้ากากอนามัย และคิดว่าคนอื่นก็ไม่ชอบใส่เหมือนกัน เราจะก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ผู้คนจะเลือกเอาเองว่า พวกเขาจะใส่หรือไม่ใส่หน้ากาก"
ความจำเป็นของวัคซีนโดสที่สาม
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษเตรียมพิจารณาแผนระดมฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เพิ่มเติมในช่วงเดือนก.ย.นี้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน หลังได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนว่า ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางอาจต้องได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สาม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อังกฤษฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดสแรกให้กับประชาชนวัยผู้ใหญ่เป็นจำนวน 85% ของประชากรทั้งหมด โดยกว่า 60% ได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว
ความสำเร็จของแผนระดมฉีดวัคซีนของอังกฤษ ทำให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้คำมั่นว่า จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม หลังจากที่เคยต้องล้มเลิกแผนยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมื่อเดือนมิ.ย.มาครั้งหนึ่งแล้ว
ด้านนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ของอังกฤษกล่าวว่า ประชาชนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเชื้อไวรัสตัวนี้ แผนระดมฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครั้งแรกของอังกฤษกำลังช่วยให้ประชาชนในประเทศใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ และเขาเชื่อว่า แผนระดมฉีดวัคซีนเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ก็จะช่วยรักษาอิสรภาพนี้ไว้ให้ยาวนานต่อไป