ข้อมูลล่าสุดจาก Our World in Data ระบุว่า มาเลเซีย ได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดในโลก โดยเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวน ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในมาเลเซียอยู่ที่ 483.72 คนต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (28 ก.ค.) ซึ่งสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และสูงที่สุดในเอเชีย
ขณะเดียวกัน เกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในมาเลเซียอยู่ที่ 4.90 คนต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 ก.ค.) ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก และสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในเอเชีย
ทั้งนี้ Our World in Data เป็นหน่วยงานที่ร่วมมือกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ Global Change Data Lab ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรของอังกฤษ
ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลมาเลเซียภายใต้การนำของนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรี ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ แม้รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการล็อกดาวน์และประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศก็ตาม
นายโจชัว เคอร์ลันท์ซิค นักวิเคราะห์ด้านการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสภาวิเทศสัมพันธ์มาเลเซียกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้มาเลเซียไม่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงนั้น มาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง นับตั้งแต่นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว (2563) ซึ่งเปิดทางให้นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลผสมซึ่งแต่ละพรรคมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน
มูดี้ส์ อนาไลติคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 2564 ลงสู่ระดับ 4.7% จากเดิมคาดไว้ที่ระดับ 5.6% หลังมาตรการล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ทางด้าน ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 2564 สู่ระดับ 5.5% จากระดับ 6% โดยระบุว่าการที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศขยายระยะเวลาใช้มาตรการล็อกดาวน์ในไตรมาส 2/2564 นั้น คาดว่าจะส่งผลให้อุปสงค์ภายในประเทศได้รับแรงกดดันอีกครั้ง