WHO ออกแถลงการณ์วานนี้ (4 ส.ค.) ระบุว่า นานาชาติควรระงับ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster shot) หรือที่รู้จักกันในนาม วัคซีนเข็มที่ 3 อย่างน้อยเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อให้ WHO บรรลุเป้าในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 10% ของทุกประเทศภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้
นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า อาจมีการขยายเวลาระงับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 มากกว่า 2 เดือน หากการฉีดวัคซีนในประเทศที่มีอัตราการฉีดต่ำยังไม่กระเตื้องขึ้น
"เราจำเป็นต้องพลิกสถานการณ์อย่างเร่งด่วนจากการส่งวัคซีนส่วนใหญ่ให้แก่ชาติที่ร่ำรวย ไปสู่การส่งวัคซีนส่วนใหญ่ให้แก่ชาติที่ยากจน" นายกีบรีเยซุส กล่าว และยังเปิดเผยด้วยว่า WHO มีแผนจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชากรโลก 40% ภายในเดือนธ.ค.นี้
การเรียกร้องของ WHO สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ที่ WHO ได้ออกมาระบุว่า ไม่แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนประสิทธิภาพของการดำเนินการดังกล่าว
แพทย์หญิงแคทเธอรีน “เคท” โอไบรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิคุ้มกัน วัคซีน และชีววิทยาของ WHO กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า WHO ไม่แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการดำเนินการดังกล่าว
WHO เองกำลังเร่งทำการวิจัยว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มีความจำเป็นหรือไม่ในการป้องกันไวรัสที่มีการกลายพันธุ์อย่างเช่น สายพันธุ์เดลต้า (Delta)
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของบริษัทไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ต่างสนับสนุนให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หลังจากที่ได้รับวัคซีนครบโดสก่อนหน้านี้แล้ว