สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อสุดสัปดาห์ (6 ส.ค.) ว่า โนวาแวกซ์ อิงค์ ผู้ผลิต วัคซีน NVX-CoV2373 หรือที่เรียกกันว่า วัคซีนโนวาแวกซ์ ซึ่งใช้สำหรับป้องกัน โรคโควิด-19 ได้เลื่อนการยื่นขออนุมัติการใช้งานวัคซีนในกรณีฉุกเฉิน (EUA) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ จากเดิมที่เคยแสดงความประสงค์ที่จะยื่นขอการอนุมัติดังกล่าวในช่วงไตรมาส 3/2564 ได้ขยับเวลาออกไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงไตรมาส4/2564 แทน
อย่างไรก็ตาม นายสแตนลีย์ เอิร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโนวาแวกซ์ ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องเพื่อแสดงถึงความต่อเนื่องในกระบวนการผลิตวัคซีนต่อทาง FDA ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา นอกจากนี้ เขายังระบุว่า บริษัทได้ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนโนวาแวกซ์ต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลในประเทศอื่น ๆแล้วด้วย ซึ่งรวมถึงอินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และมีแผนจะยื่นขออนุมัติในอังกฤษในเดือนก.ย. นี้ ตามด้วยออสเตรเลีย และแคนาดา
สำหรับประเทศไทย โนวาแวกซ์อยู่ระหว่างการขออนุมัติขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่โนวาแวกซ์จะก้าวขึ้นเป็นผู้จัดจำหน่ายวัคซีนรายใหญ่ให้กับกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำในปีนี้ โดยนายเอิร์ค ซีอีโอของโนวาแวกซ์ กล่าวย้ำว่า ในขั้นต้นบริษัทจะให้ความสำคัญกับประเทศที่มีรายได้ต่ำก่อน บริษัทมีความสามารถในการผลิตเพียงพอที่จะรองรับความต้องการในประเทศที่ยังขาดแคลนวัคซีนได้
ปัจจุบัน โนวาแวกซ์ยังคงเดินหน้าผลิตวัคซีน 100 ล้านโดสต่อเดือนในไตรมาส3/2564 และมีแผนจะผลิตให้ได้ 150 ล้านโดสต่อเดือนภายในไตรมาส 4/2564
ทำความรู้จักวัคซีนโนวาแวกซ์
วัคซีนโนวาแวกซ์ หรือ NVX-CoV2373 โดยบริษัท โนวาแวกซ์ อิงค์ สหรัฐอเมริกา เป็นวัคซีนชนิดโปรตีนเบส (Protein-nanoparticle Vaccine) ซึ่งใช้โปรตีนจากส่วนของเชื้อไวรัสที่ไม่ก่อให้เกิดโรคฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน วัคซีนโนวาแวกซ์ เป็นวัคซีนที่ทั่วโลกจับตาด้วยความสนใจ เพราะนอกจากจะเป็นหนึ่งในวัคซีนหลักของโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ภายใต้การสนับสนุนขององค์การอนามัยโลก ที่จะจัดส่งให้แก่ประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางทั่วโลกแล้ว จากรายงานผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 วัคซีนดังกล่าวยังมีประสิทธิภาพสูงถึง 90.4% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยภาพรวม ทั้งยังป้องกันการเกิดอาการป่วยรุนแรงได้ถึง 100%
การใช้วัคซีนโนวาแวกซ์นั้น ต้องฉีด 2 โดส ทิ้งระยะห่างระหว่างการฉีดเข็มแรกกับเข็มที่สองประมาณ 3 สัปดาห์ แนะนำใช้กับผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-84 ปี สามารถจัดเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส หรือตู้เย็นทั่วไป ได้นาน 3-6 เดือน
นอกจากนี้ สนนราคาในปัจจุบัน ( ณ วันที่ 20 ก.ค.) อยู่ที่โดสละ 16 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 524 บาท