วัคซีน “โนวาแวกซ์” ความหวังใหม่สู้ภัยโควิด

ทุกครั้งที่มีข่าวดีความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ตลาดหุ้นจะคึกคักดีดตัวแรง เช่นเดียวกับวานนี้ (26 พ.ค. เวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ที่ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นทดสอบระดับ 25,000 จุดในระหว่างวัน หลังจากมีข่าวบริษัท โนวาแวกซ์ (Novavax) ผู้พัฒนาวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เริ่มทำการทดลองทางคลินิกเฟสแรกในการใช้วัคซีนชื่อว่า NVX-CoV2373 เพื่อต้านไวรัสโควิด-19 กับอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการ  

ราคาหุ้นของโนวาแวกซ์พุ่งขึ้น 13% ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถทราบผลเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (immunogenicity) จากการทดลองดังกล่าวในเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้

ในส่วนแรกของการทดลอง จะมีการฉีดวัคซีน NVX-CoV2373 จำนวน 2 โดสให้กับอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้ใหญ่สุขภาพแข็งแรงจำนวน 130 คนในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งหากผลออกมาเป็นแนวโน้มที่ดี บริษัทก็มีแผนเดินหน้าการทดลองระยะที่สองต่ออย่างรวดเร็ว ซึ่งจะขยายการทดลองไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วย และกลุ่มอาสาสมัครจะมีเขตขอบอายุครอบคลุมมากขึ้นนอกเหนือจากกลุ่มอายุ 18-59 ปี  

นับตั้งแต่ต้นปีมา มูลค่าหุ้นของโนวาแวกซ์ในตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นมากกว่า 1,000% สู่ระดับ 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าจะยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด บริษัทเพิ่งได้ทุนสนับสนุนราว 388 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากองค์กรในประเทศสวีเดนภายใต้ชื่อ Coalition for Epidemic Preparedness Innovations ผู้บริหารของโนวาแวกซ์เปิดเผยว่า บริษัทจะพุ่งเป้าพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่สามารถใช้อย่างเป็นทางการในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้เป้ากำลังการผลิตอาจจะทำได้ถึง 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ (2563)

โนวาแวกซ์ เป็นบริษัทพัฒนาวัคซีน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเกเธอร์สเบิร์ก มลรัฐแมรีแลนด์ และเป็นหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนกว่า 10 รายที่เริ่มการทดลองใช้วัคซีนในอาสาสมัครแล้ว ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า ขณะนี้มีการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กว่า 100 โครงการซึ่งกำลังอยู่ในขั้นต้นของการพัฒนา และเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท โมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกันอีกราย ได้รายงานผลการทดลองทางคลินิกกับอาสาสมัครเป็นครั้งแรกซึ่งมีการสร้างภูมิต้านทานแม้ยังเป็นกลุ่มทดลองขนาดเล็กไม่กี่สิบคนก็ตาม  

ในส่วนของโนวาแวกซ์นั้น ผู้บริหารกล่าวว่า หากผลการทดลองออกมาว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ บริษัทก็สามารถผลิตจำนวนมากออกสู่ตลาดได้ทันทีเช่นกัน