ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ หรือ CDC (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ประกาศเมื่อวานนี้ (9 ส.ค. ตามเวลาสหรัฐ) ยกระดับคำเตือนพลเมืองชาวอเมริกัน เกี่ยวกับการเดินทางมายังประเทศไทย สู่ระดับประเทศกลุ่มความเสี่ยงสูงสุดในระดับที่ 4 หรือ "COVID-19 Very High" (เสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโควิด-19)
และสืบเนื่องจากกรณีดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ปรับคำเตือนสำหรับผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศไทย สูงขึ้นตามแนวทางของ CDC ด้วย โดยยกระดับคำเตือนการเดินทางมายังประเทศไทยเป็น Do Not Travel หรือ “ไม่ควรเดินทางไป” โดยให้เหตุผลเรื่องการระบาดของโควิด-19
สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า เมื่อย้อนดูข้อมูลย้อนหลังพบว่าไทยเคยอยู่ในการเตือนระดับที่ 3 หรือ High Risk (ความเสี่ยงสูง) ตั้งเเต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งถูกปรับมาอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงสุดขั้นที่ 4 เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.)
รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้มีกว่า 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย อาทิ บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย กรีซ สเปน อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นต้น จำนวนดังกล่าวเพิ่มจากเดิมเมื่อเดือนมิ.ย. ที่มีเพียง 61 ประเทศในกลุ่มนี้ สืบเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเพิ่มขึ้นในประเทศเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งประเทศที่ถูกเพิ่มเข้ามานั้น นอกจากไทยแล้ว ยังมีอิสราเอล (ครอบคลุมถึงเวสต์แบงค์และฉนวนกาซา) ประเทศอารูบาและดินแดนเฟรนช์โปลินีเซีย ด้วย
ส่วนประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเตือนพลเมืองว่า “ไม่ควรไป” (Do Not Travel) ซึ่งเป็นคำเตือนด้านการเดินทางระดับ 4 นั้น นอกจากไทยแล้ว ยังรวมถึงไอซ์แลนด์และฝรั่งเศส
ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฏาคม CDC ได้แสดงความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอิสราเอล เวสต์แบงก์และฉนวนกาซา จึงยกระดับคำเตือนด้านการเดินทางขึ้น 2 ขั้น สู่ระดับ 3 หรือมีความเสี่ยงสูง ก่อนจะปรับขึ้นสู่ระดับ “เสี่ยงสูงมาก” ในที่สุด
ทั้งนี้ CDC ยังได้ยกระดับเตือนภัยระดับ 3 สำหรับประเทศออสเตรีย โครเอเชีย เอลซัลวาดอร์ อาเซอร์ไบจาน กวม เคนยา และจาไมกา โดยระบุว่า นักเดินทางที่ยังไม่ฉีดวัคซีนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังประเทศเหล่านี้
เช็คประเทศและระดับการแจ้งเตือนของ CDC ได้ ที่นี่