CDC ยอมรับ "ไวรัสเดลตา" ครองสหรัฐแล้ว ตรวจพบถึง 83% ในผู้ติดเชื้อทั้งหมด

20 ก.ค. 2564 | 23:10 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ค. 2564 | 12:26 น.

ไวรัสโควิดเดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐเรียบร้อยแล้ว โดยมีการตรวจพบถึง 83% ในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด ขณะที่มีการแพร่ระบาดแล้วใน 100 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในไทยที่ครองสัดส่วนการติดเชื้อในกทม.เกือบ 60%

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) แถลงวานนี้ (20 ก.ค.) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นใน สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ ไวรัสสายพันธุ์เดลตา (Delta) โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาคิดเป็นสัดส่วน 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.2564

 

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาครองอันดับ 1 ของโลกทั้งในแง่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 35 ล้านราย และเสียชีวิตเกือบ 625,000 ราย

 

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตายังได้ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 48% เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สู่ระดับเฉลี่ย 239 รายต่อวัน


CDC ยอมรับ \"ไวรัสเดลตา\" ครองสหรัฐแล้ว ตรวจพบถึง 83% ในผู้ติดเชื้อทั้งหมด

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 43-90% และขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

 

สำหรับประเทศไทย ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ขณะนี้ตรวจพบว่า การติดเชื้อโควิดรายวันในเขตกรุงเทพมหานครนั้น 57.1% เป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์ดังกล่าวยังครองสัดส่วนการติดเชื้อเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศคือ 46.1%