เมื่อต้นปี “อินเดีย” เป็นประเทศแรกที่สั่งระงับส่งออกวัคซีนต้านโควิด-19 เพื่อสงวนไว้ใช้เองภายในประเทศหลังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่ทำให้ปชช.ป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มาในขณะนี้ “แอฟริกา” ทั้งภูมิภาค กำลังเผชิญปัญหาที่ไม่ต่างกัน ทำให้จำเป็นต้องระงับการส่งออกวัคซีนต้านโควิด-19 ของ บ.จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) ที่มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้
นายสไตร์ฟ มาซิยิวา ตัวแทนของสหภาพแอฟริกา (AU) กล่าวว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ซึ่งมีการผลิตจากโรงงานของบริษัท แอสเพน ฟาร์มาแคร์ ในประเทศแอฟริกาใต้ จะไม่มีการส่งออกไปยังยุโรปอีกต่อไป หลังจากที่รัฐบาลของแอฟริกาใต้ได้เข้าแทรกแซงการส่งออกวัคซีนดังกล่าว
"แอสเพนจะผลิตวัคซีนให้กับทวีปแอฟริกา ทั้งนี้ วัคซีนหลายล้านโดสที่มีการส่งออกไปยังยุโรปแล้ว และขณะนี้ยังคงถูกจัดเก็บในคลังสินค้า จะต้องถูกส่งกลับมายังแอฟริกา โดยวัคซีนของจอห์นสันฯที่ผลิตในแอฟริกาใต้นั้น จะต้องอยู่ในแอฟริกา และถูกจัดส่งภายในแอฟริกา" นายมาซิยิวากล่าว พร้อมยังระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้ผลิตในประเทศแอฟริกาใต้ และกำลังเตรียมส่งออกไปยังยุโรปนั้น ขณะนี้ได้ถูกสั่งระงับการส่งออกแล้ว
วัคซีนโควิด เพิ่งเข้าถึงประชากรเพียงแค่ 3% ในแอฟริกา
ทั้งนี้ บริษัทจอห์นสันฯได้ถูกตำหนิอย่างหนัก จากการที่บริษัทได้ส่งออกวัคซีนที่ผลิตจากแอฟริกาใต้ไปยังตลาดยุโรป เนื่องจากรัฐบาลประเทศในยุโรปได้เร่งฉีดวัคซีนต้านโควิดให้แก่ประชาชนได้เป็นจำนวนมากแล้ว อีกทั้ง ยุโรปยังได้ทำการบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศอื่น ๆ ด้วย ขณะที่ในแอฟริกาเอง มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วไม่ถึง 3% ของประชากรจำนวน 1.3 พันล้านคน
ทั้งนี้ ทวีปแอฟริกายังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 7.8 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 197,000 ราย