เพื่อรณรงค์การฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมประชากรเพื่อกระตุ้นการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทุกประเทศทั่วโลกใช้หลักการการเดียวกันคือ ให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยสมัครใจ
แม้จะประชาชนส่วนใหญ่พร้อมเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่อย่างไรก็ตามมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีน ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือแพร่เชื้อได้ด้วย โดยเฉพาะในกรณีในที่ทำงาน โรงเรียน และการพบปะในสถานที่สาธารณะต่างๆ แม้แต่หลายประเทศที่ระดมฉีดวัคซีนได้แล้วเป็นจำนวนมาก แต่ยังคงมีการระบาด โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
ทั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่สมัครใจฉีดวัคซีน เช่น ในอิสราเอลซึ่งมีประชากร 9 ล้านคน ไม่สมัครใจฉีดมากถึง 1 ล้านคน ในสหรัฐอเมริกาก็ทำนองเดียวกัน ทำให้ผู้บริหารประเทศต้องออกมาตรการจูงใจต่างๆ ให้ประชาชนมารับการฉีดวัค เช่น แจกขนม แจกอาหาร จับสลากแจกรางวัล แม้กระทั่งออกล็อตเตอรี่ให้กับผู้ที่มาฉีดวัคซีน
แต่ไม่ว่าจะมีมาตรการจูงใจอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่สมัครใจจะฉีดวัคซีน และทำให้หลายประเทศยังคงมีสถานการณ์โควิดระบาดจึงมีการนำมาตรการเชิงกึ่งบังคับมาใช้เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้สหรัฐอเมริกาได้เริ่มแล้ว โดยประธานาธิบดี Biden ได้แถลงว่า ตามแผนการสกัดโควิด กระทรวงแรงงานของอเมริกา ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้าง ตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับ ลูกจ้างจนครบโดส หรือ ต้องตรวจหาเชื้อให้กับผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนทุกสัปดาห์ ผู้รับเหมาหรือผู้ที่จะทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ (Contractor)
ซึ่งคาดว่ามาตรการในส่วนนี้ จะครอบคลุมแรงงาน ประมาณ 80 ล้านคนในภาคเอกชน ของอเมริกา รวมไปถึงงเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย ทั้งนี้ประธานาธิบดี "โจ ไบเดน" เปิดเผยว่า “ตนมีหน้าที่จะต้องดูแลปกป้องคนอเมริกันทุกคน อันรวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังมีความเสี่ยง อาจรับเชื้อจากกลุ่มคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน เราต้องปกป้องคนฉีดวัคซีน จากผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนถ้าสถานประกอบการใด ทำไม่ได้จะมีโทษปรับมากถึง 14,000 เหรียญต่อครั้ง”
ในขณะที่พรรค Republican ฝ่ายค้าน ได้ออกมาประกาศไม่เห็นด้วย และจะฟ้องร้องเรื่องนี้ต่อไป
สำหรับหลักหกประการที่ทางการสหรัฐฯใช้อยู่สำหรับการควบคุมโควิด ประกอบด้วย
1) เร่งฉีดคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
2) ป้องกันคนไม่ได้ฉีดวัคซีน ไม่ให้ติดเชื้อและเผยแพร่เชื้อ
3) ทำให้โรงเรียนต่างๆสามารถเปิดได้อย่างปลอดภัย
4) เข้มงวดมาตรการใส่หน้ากาก และเร่งการตรวจหาเชื้อเชิงรุก
5) รักษาสภาวะเศรษฐกิจให้คืนตัวดีที่สุด
6) ดูแลผู้ติดเชื้อแล้ว
ทั้งนี้ในสหรัฐฯมีผู้ใหญ่กว่า 25% ที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีน ทั้งที่รัฐได้จัดวัคซีนให้อย่างเพียงพอ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีความปลอดภัย และสดวกทั่วถึง