หลังจากที่ ผู้นำสหรัฐและจีนต่อสายตรงหารือกัน เพื่อคลี่คลายประเด็นความขัดแย้งที่มี ผลสำรวจของ หอการค้าอเมริกัน เผยแพร่วานนี้ (10 ก.ย.) ชี้ว่า บริษัทสหรัฐในจีน หวังว่าจะมี การประชุมสุดยอด ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในปีนี้ ด้วยความหวังว่าการประชุมระหว่าง 2 ผู้นำจะช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่เกิดขึ้นในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ผลสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 54% เรียกร้องให้มีการสื่อสารระหว่างรัฐบาลของทั้ง 2 ชาติเป็นประจำเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วน 38% อยากให้มีการจัดการประชุมสุดยอด "โจ ไบเดน-สี จิ้นผิง" ในปีนี้
แม้ว่าหอการค้าจะไม่เปิดเผยรายชื่อบริษัท 125 แห่งที่เข้าร่วมการสำรวจเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่สมาชิกในกลุ่มนี้ประกอบด้วยบริษัทใหญ่แถวหน้าของสหรัฐ อาทิ บริษัท โบอิ้ง โคคาโคล่า และวอล์ท ดิสนีย์ เป็นต้น
ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 60% จากทั้งหมด 125 ราย ระบุถึงความจำเป็นในการให้บริการวีซ่าตามปกติสำหรับผู้บริหารและครอบครัวของพวกเขา ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 47% ต้องการยกเลิกการเรียกเก็บภาษี โดยบริษัทมากกว่า 3 ใน 4 ตำหนิว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีในช่วงสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของพวกเขา
ดาวโจนส์ปรับบวกสะท้อนความหวัง
เพียงแค่การส่งสัญญาณจากฝ่ายผู้นำของทั้งสองประเทศว่าจะมีการปรึกษาหารือหรือพูดคุยกัน ก็ทำให้บรรยากาศการค้าการลงทุนมีความหวังมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งกว่า 100 จุดเหนือระดับ 35,000 จุดเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) ขานรับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งจุดประกายความหวังเกี่ยวกับการลดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,019.33 จุด บวก 139.95 จุด หรือ 0.4% หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 4 วัน โดยความเคลื่อนไหวในเชิงบวกนี้เป็นผลมาจากความหวังเกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างปธน.ไบเดน และปธน.สี จิ้นผิง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา และเป็นครั้งที่ 2 ของปธน.ไบเดนนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.2564
ไบเดน-สี คุยอะไรกัน
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองหารือกันทางโทรศัพท์โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที เกี่ยวกับความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันซึ่งจะนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังหารือกันในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ รวมไปถึงด้านผลประโยชน์ คุณค่า และมุมมองที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ การสนทนายังมุ่งเน้นในประเด็นเศรษฐกิจ ภาวะโลกร้อน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ด้านสื่อของรัฐบาลจีนระบุว่า ปธน.สีและปธน.ไบเดนได้สนทนากันอย่างตรงไปตรงมาและเป็นไปในเชิงลึก โดยช่วงหนึ่งปธน.สีกล่าวว่า นโยบายของสหรัฐเกี่ยวกับจีนนั้น ได้สร้างความยากลำบากต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้นำทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า จะยังคงติดต่อสื่อสารกันให้บ่อยขึ้น และได้เรียกร้องให้คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายเพิ่มการติดต่อสื่อสารระหว่างกันให้มากขึ้นด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวย้ำว่า จีนพร้อมให้ความร่วมมือกับสหรัฐในด้านการป้องกันภาวะโลกร้อน การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และประเด็นอื่นๆในภูมิภาคและระดับโลก บนพื้นฐานของการที่สหรัฐและจีนจะให้ความเคารพในความแตกต่างและความกังวลของแต่ละฝ่าย ผู้นำจีนยังกล่าวด้วยว่า หากจีนและสหรัฐเผชิญหน้ากัน ทั้งสองประเทศและทั่วทั้งโลกจะเป็นฝ่ายเสียหาย แต่หากจีนและสหรัฐสามารถร่วมมือกัน ทุกฝ่ายก็จะได้ประโยชน์