นายลูฮัต บินซาร์ ปันด์ไจตัน รัฐมนตรีการลงทุนของอินโดนีเซีย เปิดเผยวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า ตัวเขาเองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย กำลังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมประชุมกับผู้บริหารของบริษัทเมอร์คเกี่ยวกับการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ โดยการประชุมจะมีขึ้นในวันพุธนี้ (20 ต.ค. เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ที่นิวยอร์ก
"เราต้องการเป็นมากกว่าผู้ซื้อ เราต้องการให้เมอร์คเข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ในอินโดนีเซีย" นายลูฮัตกล่าว
ด้านนายบูดี กูนาดี ซาดิคิน รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย เสริมว่า ทันทีที่อินโดนีเซียมีวัคซีนและยารักษาโรคโควิด-19 ก็จะสามารถลดความรุนแรงของโควิด-19 จากเดิมที่เป็นโรคระบาดร้ายแรง ให้กลายเป็นเพียงโรคประจำถิ่นได้
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 4.2 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 143,000 ราย (ข้อมูล ณ 19 ต.ค.)
ในวันเดียวกันนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานอ้างอิงเอกสารฉบับร่างขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า WHO กำลังเจรจากับบริษัท "เมอร์ค" เพื่อขอซื้อยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ในราคาเพียง 300 บาท/คอร์ส สำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ภายใต้โครงการที่จะช่วยให้ประเทศยากจน-รายได้ต่ำ สามารถเข้าถึงวัคซีนและยาต้านโควิด-19 ในราคาที่จับต้องได้ (อ่านเพิ่มเติม: WHO เจรจา "เมอร์ค" ขอซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ในราคาเพียง 300 บาท/คอร์ส)