Anvisa (แอนวิซา) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของ ประเทศบราซิล แถลงเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ว่า บริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ มีแผนจะยื่นขออนุมัติการฉีด วัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับ เด็กกลุ่มอายุ 5-11 ปี ในบราซิล โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ Anvisa ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ของไฟเซอร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตัวแทนจากไฟเซอร์ได้ประชุมหารือร่วมกับ Anvisa เพื่อนำเสนอข้อมูลทางเทคนิคก่อนยื่นเรื่องขออนุมัติอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของ Anvisa ระบุว่า วัคซีนโดสสำหรับเด็กที่มีอายุ 5-11 ปี จะต่ำกว่าโดสสำหรับเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป เนื่องจากไฟเซอร์ได้พัฒนาวัคซีนที่ชื่อ โคเมอร์เนตี (Comirnaty) สูตรใหม่ โดยวัคซีนดังกล่าวเป็นการพัฒนาขึ้นร่วมกันระหว่างไฟเซอร์และบิออนเทค โดยขึ้นทะเบียนในประเทศบราซิลไปตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา และเป็นวัคซีนชนิดเดียวที่บราซิลอนุมัติให้ใช้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ได้สนับสนุนให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กที่มีอายุ 5-11 ปีในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ได้ให้การอนุมัติเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์กับเด็กกลุ่มวัย 5-11 ปี ซึ่ง นับเป็นวัคซีนโควิดตัวแรกที่ได้รับอนุมัติให้ใช้กับเด็กเล็กวัยประถมในสหรัฐอเมริกา
ผู้แทนของไฟเซอร์เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มจัดส่งวัคซีนดังกล่าวตั้งแต่วันเสาร์ปลายเดือนต.ค. (30 ต.ค.) ไปยังร้านขายยา สำนักงานกุมารแพทย์ และสถานที่อื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ฉีดวัคซีนแก่เด็ก ๆ ได้ การตัดสินใจของ FDA สหรัฐจะทำให้มีการจัดหาวัคซีนให้กับเด็กอเมริกันจำนวน 28 ล้านคน ซึ่งในขณะนี้หลายคนได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนแล้ว
ก่อนหน้านั้น FDA สหรัฐได้ให้การอนุมัติการฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปีเป็นกรณีฉุกเฉินไปแล้วเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยไฟเซอร์อ้างอิงผลการทดลองทางคลินิกระบุว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2 โดสซึ่งมีปริมาณ 10 ไมโครกรัม หรือ 1 ใน 3 ของปริมาณวัคซีนที่ฉีดให้แก่ผู้ใหญ่และกลุ่มวัยรุ่น มีความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก และจะสามารถสร้างภูมิต้านทานให้แก่ประชากรกลุ่มวัยดังกล่าว (5-11 ขวบ) อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขบราซิลระบุว่า นับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ ชาวบราซิลเกือบ 610,000 คนก็ต้องเสียชีวิตสังเวยโรคร้ายดังกล่าว โดยบราซิลได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการระบาดของโควิดมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและอินเดีย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ