นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ได้เทขายหุ้นบริษัทเทสลาแล้ว เพียงไม่นานหลังจากที่เขาได้ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามเขาในทวิตเตอร์ว่า เขาควรขายหุ้น 10% ที่ถืออยู่ในเทสลาหรือไม่ โดยนายมัสก์ยืนยันว่า เขาจะดำเนินการตามผลโพลที่ออกมา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
เอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในวันพุธ (10 พ.ย.) ระบุว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายมัสก์ได้ขายหุ้นเทสลาจำนวนมากกว่า 930,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 1.1 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หลังจากการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวแล้ว นายมัสก์จะยังคงถือครองหุ้นในบริษัทเทสลาอยู่กว่า 170 ล้านหุ้น
ก่อนที่นายมัสก์จะตัดสินใจขายหุ้นนั้น เขาได้ทำโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามเขาในทวิตเตอร์ว่า เขาควรขายหุ้น 10% ที่ถืออยู่ในเทสลาเพื่อนำเงินนั้นไปจ่ายภาษีหรือไม่ ซึ่งผลโหวตกว่า 3.5 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวนดังกล่าว
ข่าวการตั้งโพลสอบถามความเห็นบนทวิตเตอร์ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันถึง 2 วันในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลว่า การกระทำดังกล่าวของนายมัสก์เป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) หรือไม่
ก่อนหน้านี้นายมัสก์ได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของพรรคเดโมแครตให้ปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (Capital gains) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการปฏิรูปภาษีที่พุ่งเป้าเรียกเก็บจากชาวอเมริกันที่ร่ำรวย