การประชุมระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีขึ้นท่ามกลางความความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนเกี่ยวกับประเด็นการค้า, การโจมตีทางไซเบอร์ รวมทั้งประเด็นการเมือง โดยจีนไม่พอใจต่อการที่สหรัฐให้การสนับสนุนไต้หวัน
ขณะที่สหรัฐคัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีนต่อชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง, การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง รวมถึงการแผ่อิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวไม่ได้คาดหวังสูงต่อการประชุมสุดยอดครั้งนี้ โดยทั้งสองฝ่ายจะไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันหลังการประชุม
"นี่เป็นโอกาสที่ท่านประธานาธิบดีไบเดนจะบอกประธานาธิบดีสี จิ้นผิงโดยตรงว่าท่านคาดหวังว่าจีนจะเล่นตามกติกา เช่นเดียวกับชาติที่มีความรับผิดชอบทำกัน" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าว ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าการประชุมครั้งนี้อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนเสนอให้มีการจัดการประชุมสุดยอดแบบพบหน้ากันกับปธน.สี จิ้นผิง แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากทางฝ่ายจีน เนื่องจากปธน.สี จิ้นผิงไม่ได้เดินทางออกจากประเทศเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ ปธน.สี จิ้นผิงจะเชิญปธน.ไบเดนเดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งในเดือนก.พ.2565
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าคำเชิญดังกล่าวจะถือเป็นบททดสอบต่อปธน.ไบเดน โดยหากผู้นำสหรัฐยอมรับคำเชิญของปธน.สี จิ้นผิง ก็จะขัดแย้งกับท่าทีของสหรัฐในการวิพากษ์วิจารณ์จีนในหลายประเด็นก่อนหน้านี้ และหากปธน.ไบเดนเลือกที่จะปฏิเสธคำเชิญของผู้นำจีน ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเย็นชาต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าปธน.ไบเดนจะเตรียมคำตอบต่อคำเชิญดังกล่าวอย่างไร
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ประเด็นดังกล่าวมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นคือการที่ G7 กำลังพิจารณาที่จะ "บอยคอตต์ทางการทูต" ต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวของจีน โดยนักกีฬายังคงเข้าร่วมการแข่งขันได้ตามปกติ แต่ผู้นำประเทศของ G7 จะไม่เข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน
ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวทั่วโลกยังได้ทำการรณรงค์ให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ทำการยกเลิกหรือเลื่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในจีน โดยอ้างถึงการที่จีนได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์