นายฮิโรคาสึ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น แถลงต่อสื่อมวลชนวานนี้ (18 พ.ย.) ว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาล ทบทวนระบบกักตัวและมาตรการควบคุมโรค พร้อมส่งสัญญาณว่า กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินมาตรการใด ๆ ได้อีกบ้างเพื่อลดข้อจำกัดต่าง ๆ ลงมาอีก
เมื่อต้นเดือนนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ปรับลดระยะเวลากักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศจาก 10 วัน ลงเหลือ 3 วันสำหรับผู้ที่เดินทางมาทำธุรกิจซึ่งมีใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสและเดินทางเข้ามาพำนักในระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้เริ่มเปิดรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามาพำนักในระยะยาว เช่น นักเรียน และผู้ฝึกอบรมทางเทคนิค โดยบริษัทเอกชนหรือสถานศึกษาที่รับชาวต่างชาติเข้ามาจะต้องรับผิดชอบควบคุมให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของญี่ปุ่นด้วย แต่ขณะนี้ จะยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยว
กระนั้นก็ตาม สื่อรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังจะพิจารณาอนุมัติให้กรุ๊ปทัวร์เดินทางเข้าประเทศหลังจากทำการทบทวนแนวทางการควบคุมและตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ของกรุ๊ปทัวร์ผ่านทางการทดลองซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นภายในปีนี้
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 มีชาวต่างชาติซึ่งถือวีซ่าญี่ปุ่นรอเดินทางเข้าประเทศจำนวน 3.7 แสนราย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นนักเรียน-นักศึกษา 1.5 แสนราย และผู้รับการฝึกอบรมด้านเทคนิค 1.1 แสนราย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.เป็นต้นมา ญี่ปุ่นได้ทยอยอนุญาตให้บุคคลเหล่านี้เดินทางเข้าประเทศแล้ว
นายโทชิฮิโระ นากาฮามะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ จากสถาบันวิจัยได-อิจิ ไลฟ์รีเซิร์ช ประเมินว่า มาตรการผ่อนคลายที่ช่วยให้มีชาวต่างชาติเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นนี้ จะช่วยเพิ่ม GDP ให้ญี่ปุ่นได้ประมาณ 8.3 แสนล้านเยนต่อปี