สำนักข่าวCNN รายงานว่า เยอรมนีประกาศล็อกดาวน์ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ขณะที่ผู้นำประเทศสนับสนุนแผนการออกคำสั่งให้ประชาชนฉีดวัคซีนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ประชาชนในเยอรมนีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะถูกห้ามไม่ให้เข้าสถานประกอบการที่จำเป็นต่าง ๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยา เพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะไม่ครอบคลุมผู้ที่เพิ่งหายจากโควิด
“อังเกลา แมร์เคิล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่กำลังจะหมดวาระอย่างเป็นทางการ และผู้ที่จะมารับไม้ต่อจากเธอคือ “โอลาฟ โชลซ์” ได้ประกาศมาตรการนี้เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หลังมีการหารือร่วมกับผู้นำแคว้นต่าง ๆ
ทั้งคู่ยังสนับสนุนข้อเสนอเรื่องการออกคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ซึ่งหากมีการโหวตผ่านในรัฐสภา คำสั่งนี้จะมีผลเร็วสุดในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวด ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนสามารถพบปะคนจากครอบครัวอื่นได้เพียง 2 คนเท่านั้น นอกจากนี้ หากพื้นที่ใดมีผู้ติดเชื้อเกิน 350 คนต่อประชากร 100,000 คน บาร์และไนต์คลับจะถูกปิดเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ส่วนการจัดอีเวนต์ใหญ่ ๆ เช่น การแข่งขันฟุตบอล จะมีการจำกัดจำนวนผู้ชมในสนาม
การประกาศมาตรการครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เยอรมนีต้องรับมือกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ยุโรปกลับไปเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด นอกจากนี้ยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่เพิ่งค้นพบล่าสุด
การแถลงสถานการณ์โควิดในเยอรมนีครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แมร์เคิลจะอำตำแหน่ง ปิดฉากการเป็นผู้นำเยอรมนีนาน16 ปี
“เราเข้าใจว่าสถานการณ์นี้ร้ายแรงมาก และเราต้องการมาตรการเสริมที่เพิ่มเติมจากมาตรการที่มีอยู่” แมร์เคิลกล่าวกับผู้สื่อข่าวและว่า “การระบาดระลอกสี่จำเป็นต้องยุติ แต่ตอนนี้มันยังไม่สำเร็จ”อังเกลากล่าว
การออกคำสั่งให้ประชาชนทั่วประเทศฉีดวัคซีน อาจมีผลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 หลังจากมีการอภิปรายในรัฐสภา และมีคำแนะนำจากสภาจริยธรรมของเยอรมนีเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว จะสูญเสียสถานะการฉีดวัคซีนใน 9 เดือนหลังฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย