วันนี้ (8 ธ.ค.) ศาลอุทธรณ์มาเลเซีย พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นว่า นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2009 – 2018) มีความผิดใน คดีคอร์รัปชัน ที่เกี่ยวข้องกับ กองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย (1MDB)
ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ค. 2663 ศาลสูงมาเลเซียมีคำตัดสินให้นายนาจิบต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปีสำหรับความผิดฐานใช้อำนาจในทางมิชอบ และ 10 ปี สำหรับความผิดฐานฟอกเงิน (เป็นเงินที่ได้รับอย่างผิดกฎหมายมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์จากบริษัท SRC International ซึ่งเป็นอดีตบริษัทในเครือของกองทุน 1MDB) และการกระทำผิดหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อสินทรัพย์ที่ดูแลอยู่ (breach of trust)
สำหรับโทษดังกล่าวจะใช้หลักเกณฑ์การลงโทษโดยให้นับเวลาจำคุกของทุกคดีไปพร้อมกัน แล้วยึดโทษจำคุกหนักที่สุด ซึ่งในกรณีของนายนาจิบ คือ 12 ปี
นอกจากนี้ เขายังถูกปรับเป็นเงิน 50 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา (2563) หลังจากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริงในคดีอาญา อย่างไรก็ตาม เขาได้ยื่นอุทธรณ์กระทั่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำตัดสินออกมาในวันนี้ (8 ธ.ค.)
ข่าวระบุว่า ในขณะนี้ นายนาจิบยังได้รับสิทธิไม่ต้องเข้าเรือนจำในระหว่างที่คดีของเขาเข้าสู่กระบวนการของศาลกีฎา ซึ่งจะเป็นที่สุดของคดีนี้ (คาดว่าการตัดสินจะมีขึ้นในปีหน้า) ระหว่างนี้เขายังได้รับสิทธิปฏิบัติหน้าที่ในสภา แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
คดีนี้ถูกจับตามองอย่างกว้างขวาง ในฐานะบททดสอบความพยายามของมาเลเซียในการปราบปรามการทุจริต และอาจส่งผลกระทบทางการเมืองครั้งใหญ่
รัฐบาลของนายนาจิบได้จัดตั้งกองทุน 1MDB วงเงิน 6,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของมาเลเซีย แต่โครงการดังกล่าวไปไม่ถึงฝั่งฝันเนื่องจากเกิดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้นทำให้กองทุนขาดทุนอย่างบักโกรก เงินหายไปจากกองทุนระหว่างปี 2011-2014 กว่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 141,975 ล้านบาท) ขณะนายนาจิบดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรมว.คลัง และยังเป็นประธานกองทุน 1MDB ด้วยตัวเอง
อัยการระบุว่า เงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31,550 ล้านบาท) ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา แต่เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เรื่องฉาวที่เกิดขึ้นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นายนาจิบพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของมาเลเซียอย่างหมดรูปเมื่อปี 2018
และเมื่อดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียต่อจากเขา ภารกิจหลักของผู้นำคนใหม่ก็คือการสะสางเรื่องฉาวคดีทุจริตคอร์รัปชันกองทุน1MDB มีการบุกบ้านพักแบบสายฟ้าแลบ และเจ้าหน้าที่ได้ยึดทรัพย์นายนาจิบและภริยาหลายรายการเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก นาจิบเองต้องเผชิญข้อกล่าวหาหนักอย่างน้อย 32 กระทง และปิดฉากอนาคตบนเส้นทางการเมืองมาเลเซียตั้งแต่นั้นมา
ข้อมูลอ้างอิง