ผลการวิจัยจากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอน เปิดเผยวานนี้ (12 ธ.ค.) ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจทำให้ อังกฤษ เผชิญกับ การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 75,000 รายในฤดูหนาวนี้ หากรัฐบาลอังกฤษไม่ยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดให้เข้มงวดกว่าที่เป็นอยู่
รายงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า เมื่อประเมินจากมาตรการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้ว ข้อสมมุติฐานสำหรับสถานการณ์ที่ดีที่สุดก็คือ อังกฤษอาจมียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 24,700 ราย ในช่วงเดือนธ.ค. 2564 - เม.ย. 2565 แต่ในสมมุติฐานสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด ก็คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 74,800 ราย
นับจนถึงขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 146,439 รายทั่วประเทศ (จากข้อมูลของ Worldometers)
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังได้ให้ข้อเสนอแนะในการควบคุมการแพร่ระบาดด้วย โดยแนะนำให้รัฐบาลคุมเข้มมาตรการสำหรับสถานประกอบการในร่ม เช่น จำกัดจำนวนกลุ่มคน และปิดสถานบันเทิงบางประเภท
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (10 ธ.ค.) ที่ผ่านมา อังกฤษประกาศรับมือกับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเป็นการฉุกเฉินด้วยการใช้มาตรการ "Plan B" หรือ “แผนสอง”โดยสั่งให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ และแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าร่วมงานสาธารณะ
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับ "คลื่นยักษ์" ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และการฉีดวัคซีน 2 โดสก็ไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งโครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มที่สาม ซึ่งเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้กับประชาชน
ถ้อยแถลงครั้งนี้ของนายจอห์นสัน มีขึ้นหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 สู่ “ระดับ 4” จากทั้งหมด 5 ระดับ โดยนายจอห์นสันกล่าวว่า โครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์จะต้องเร่งดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบว่าไวรัสโอมิครอนก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ หรือไม่