คอลัมน์ Circular Economy ชีวิตดีเริ่มที่เรา
โดย กรีนเดย์
- - - - - - - - - - - - -
ทั่วโลกพูดถึงการร่วมกันแก้ไข ปัญหาโลกร้อน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ สะท้อนชัดจาก ภัยธรรมชาติ ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ภัยแล้ง พายุ น้ำท่วม ฯลฯ ล้วนมีผลกระทบหนักกว่าที่เคยเป็นมา และปรวนแปรผิดแผกไปจากเดิม
นอกจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปและส่งผลกระทบต่อชีวิตคนเราในแง่ภัยธรรมชาติแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ชัดคือผลกระทบที่มีต่อพืชเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อปริมาณหรือซัพพลายลดลง สุดท้ายก็ส่งผลให้ราคาถีบทะยานสูงขึ้น สะเทือนต่อเงินในกระเป๋าผู้บริโภคที่ต้องจ่ายเพิ่ม
ยกตัวอย่างกรณีของ “ต้นสน” สำหรับนำมาใช้เป็น ต้นคริสต์มาส ประดับประดาในช่วง เทศกาลคริสต์มาส ที่กำลังจะมาถึง ในปีนี้ ราคาขายต้นคริสต์มาสแบบที่เป็นต้นสนแท้ ๆ ไม่ใช่ต้นคริสต์มาสพลาสติก พุ่งสูงขึ้นมากตั้งแต่ 10-15% เมื่อเทียบกับราคาในปีที่ผ่านมา (2563)
เจฟฟรีย์ ไซเฟิร์ท ประธาน สมาคมต้นคริสต์มาสแห่งแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่า ต้นเหตุที่ทำให้ราคาต้นคริสต์มาสขยับสูงขึ้นมากในปีนี้ก็คือ ไฟป่าและคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้ต้นไม้ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง สภาวะดังกล่าวเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปรไป ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักคือ เกษตรกรผู้ปลูกสนสำหรับทำเป็นต้นคริสต์มาสในรัฐโอเรกอนและแคลิฟอร์เนีย
สื่อระบุว่า โอเรกอน คือแหล่งผลิตต้นสนคริสต์มาสใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐนี้ ส่งผลกระทบตลาดต้นคริสต์มาสทั้งประเทศ โดยปกติแล้ว ต้นคริสต์มาสจากรัฐนี้ครองส่วนแบ่งตลาดต้นคริสต์มาส (ที่เป็นต้นสนจริง ไม่ใช่พลาสติก)ในสหรัฐถึง 40% โดยประมาณ แต่เนื่องจากไฟป่าและคลื่นความร้อนสูงทำให้ปริมาณการผลิตลดลงมากในปีนี้
ผู้ผลิตบางรายเปิดเผยว่า ภัยธรรมชาติดังกล่าวทำให้ต้นสนตายถึง 30% และเจ้าของฟาร์มปลูกต้นสนเพื่อทำเป็นต้นคริสต์มาสในรัฐโอเรกอนต่างก็เผชิญปัญหานี้กันทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ คลื่นความร้อน (heatwave) ในเดือนมิถุนายน ถือเป็นภัยร้ายอันดับ1 สำหรับผู้ปลูกต้นสนคริสต์มาสในรัฐโอเรกอน เพราะแม้บางต้นจะรอดตายจากไฟป่ามาได้ แต่พอมาเจอคลื่นความร้อนสูงเข้า เมล็ดพันธุ์ต้นกล้าก็เพาะไม่ขึ้น ถือว่าตายอยู่ดี เนื่องจากความร้อนสูงนั้นเกิดขึ้นเป็นอุปสรรคในช่วงเวลาที่เมล็ดพันธุ์ต้นสนจะต้องแทงรากลงดิน
ปัญหาดังกล่าวสามารถสร้างผลกระทบต่อปริมาณต้นสนคริสต์มาสเป็นเวลายาวนานนับสิบปี เพราะต้นหนึ่ง ๆต้องใช้เวลาในการเติบโตเต็มที่ราว 6 ปี เพื่อให้ได้ความสูงเหมาะสมที่จะตัดไปใช้ทำต้นคริสต์มาส ถ้าหากว่าผลผลิตได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ ก็ต้องใช้เวลานานนับปีในการแก้ไข และการปลูกใหม่ขึ้นทดแทนต้องใช้เวลาหลายปี
หลายคนพูดถึงการใช้ต้นคริสต์มาสเทียม ซึ่งอาจจะทำจากพลาสติก ประเด็นนี้ยังมีการถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นทางออกที่ยั่งยืนหรือไม่ เพราะที่แน่ ๆ คือโลกต้องเผชิญกับขยะพลาสติกเพิ่มเติมเป็นปริมาณมากเมื่อหมดอายุการใช้งาน