นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนวานนี้ (22 ธ.ค.) โดยวิจารณ์โครงการปูพรมฉีด วัคซีนเข็มบูสเตอร์ป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศร่ำรวย ขณะที่ประเทศยากจนยังคงไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก พร้อมเตือนว่า ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน นี้ อาจทำให้เชื้อโควิดกลายพันธุ์มากขึ้น และส่งผลให้ วิกฤตโควิดทั่วโลก ลากยาวออกไป
"โครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์มีแนวโน้มจะทำให้การระบาด (ของโควิด-19) ยืดเยื้อออกไปแทนที่จะยุติได้ เพราะการดึงวัคซีนไปยังประเทศที่มีอัตราการฉีดสูงอยู่แล้ว ทำให้ไวรัสมีโอกาสแพร่ระบาดและกลายพันธุ์ได้มากขึ้นในประเทศอัตราการฉีดต่ำ" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ความเห็นจาก WHO มีขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหรัฐอเมริกาสนับสนุนให้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์แก่ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศอิสราเอลประกาศเมื่อวันอังคาร (21 ธ.ค.) ว่า จะจัดหาวัคซีนเข็มที่ 4 ให้แก่ประชาชนวัย 60 ปีขึ้นไป
ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN เมื่อเร็ว ๆนี้ว่า "เราต้องการให้ประชาชนพบปะสังสรรค์กันได้ในช่วงวันหยุด และแน่นอนว่าการสังสรรค์ที่ปลอดภัยต้องหมายถึงว่าได้ฉีดวัคซีนแล้ว ถ้าจะให้ดีก็ต้องฉีดเข็มบูสเตอร์ด้วย และต้องแน่ใจว่าทุกคนที่คุณสังสรรค์ด้วยก็ฉีดวัคซีนครบโดสและฉีดเข็มบูสเตอร์แล้ว"
ทั้งนี้ นายทีโดรสกล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อโควิดส่วนใหญ่ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตนั้นเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ไม่ใช่คนที่ฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังไม่ได้ฉีดเข็มบูสเตอร์