นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) กล่าวยืนยันต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา วานนี้ (11 ม.ค.ในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย) ว่า เฟดจะใช้ความพยายามในการ สกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้จำเป็นต้อง ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก็ตาม โดยเขาระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่เฟดก็ไม่กลัวที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้ ถ้าหากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
การกล่าวถ้อยแถลงดังกล่าว ถือเป็นการ "สอบสัมภาษณ์" ของนายพาวเวลล์ต่อคณะกรรมาธิการฯ ก่อนที่จะทางคณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาให้การรับรองการแต่งตั้งนายพาวเวลล์เป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 ทั้งนี้ เขาต้องแสดงวิสัยทัศน์ รวมทั้งมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและนโยบายการเงินของเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา
อย่างไรก็ดี แม้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการฯแล้ว นายพาวเวลล์ก็ยังจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากวุฒิสภาทั้งคณะ โดยเขาจะต้องได้รับการรับรองจากเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา
เนื้อหาส่วนหนึ่งในถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ยังระบุ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้เกิด “ภาวะที่ไม่สมดุลกัน” ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งภาวะคอขวด และจะส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างมาก
"เรารู้ว่าเงินเฟ้อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นจนฝังตัวในระบบเศรษฐกิจ และถ้าเราต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นอีกเมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะทำ โดยเราจะใช้เครื่องมือต่างๆเพื่อสกัดเงินเฟ้อ"
นอกจากนี้ เขายังมั่นใจว่า สหรัฐฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนไปได้ (ซึ่งเป็นปัจจุบัน โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ของการติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐ) เขาเชื่อว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะไม่กระทบเศรษฐกิจ
“แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดในปีนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐก็แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่อีกต่อไป” เขาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไปได้ และเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นจะเกิดขึ้นเพียง “ชั่วคราว” เท่านั้น ซึ่งผลกระทบนี้จะไม่ทำให้แผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ของเฟดในปีนี้ต้องสะดุดลง
"เรามองว่าเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่อีกต่อไป ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะยุตินโยบายฉุกเฉินที่เฟดเคยนำมาใช้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด และการยุตินโยบายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อตลาดแรงงาน"
ประธานเฟดยังกล่าวต่อไปว่า การรักษาเสถียรภาพด้านราคาถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัวได้ต่อไป เฟดจะใช้ความพยายามในการสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ เฟดพร้อมใช้เครื่องมือทุกอย่างในการรับมือกับเงินเฟ้อ
ด้านนักลงทุนที่จับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการคาดการณ์ว่า วุฒิสภาจะให้การรับรองการแต่งตั้งนายพาวเวลล์เป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 แม้ว่าวุฒิสมาชิกบางรายมีท่าทีคัดค้านก็ตาม
นางเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตต์ กล่าวโจมตีนายพาวเวลล์ก่อนหน้านี้ว่า นายพาวเวลล์เป็นบุคคลอันตรายที่บ่อนทำลายระบบธนาคารสหรัฐ และเธอเองจะขัดขวางไม่ให้นายพาวเวลล์ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่ง
"ประวัติการทำงานของคุณสร้างความกังวลใจอย่างมากต่อดิฉัน โดยหลายครั้งที่ผ่านมา คุณได้ทำให้ระบบธนาคารของเรามีความปลอดภัยน้อยลง คุณคือบุคคลอันตรายที่มากุมบังเหียนเฟด และนี่คือเหตุผลของดิฉันในการคัดค้านการดำรงตำแหน่งอีกสมัยของคุณ" นางวอร์เรนกล่าว