ย้อนรอยคดีฉาว ถอดพระยศทหาร "เจ้าชายแอนดรูว์”

14 ม.ค. 2565 | 06:24 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ม.ค. 2565 | 15:49 น.

เจ้าชายแอนดรูว์ หรือดยุคแห่งยอร์ก ถูกถอดยศทหารหลังเผชิญคดี "ล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์" ซึ่งคดียังเดินหน้าอยู่ในสหรัฐอเมริกา คาดว่าพระองค์จะทรงยุติการใช้พระยศ His Royal Highness หรือ HRH ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงของสหราชอาณาจักรด้วย

สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ประกาศวานนี้ (13 ม.ค.) ว่า เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ก พระราชโอรสใน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่ง สหราชอาณาจักร ทรงคืนยศทหารและการเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศลต่าง ๆ แด่สมเด็จพระราชินีนาถฯ หลังเผชิญคดีอื้อฉาวเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ในสหรัฐอเมริกา

 

แหล่งข่าวในสำนักพระราชวังเผยว่า เจ้าชายแอนดรูว์ จะทรงยุติการใช้พระยศ His Royal Highness หรือ HRH ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงของสหราชอาณาจักรด้วย

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่เจ้าชายแอนดรูว์ ต้องเผชิญการฟ้องร้องคดีแพ่งในสหรัฐ จากข้อกล่าวหาของนางเวอร์จิเนีย จุฟเฟร ที่ระบุว่า ถูกพระองค์ล่วงละเมิดทางเพศในปีค.ศ. 2001 ขณะที่เธอมีอายุเพียง 17 ปี ทั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลนิวยอร์กได้ปฏิเสธคำร้องจากทีมทนายความของเจ้าชายแอนดรูว์ ที่ขอให้ยกฟ้องคำฟ้องของนางจุฟเฟร และคาดว่าการพิจารณาคดีนี้จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้

เจ้าชายแอนดรูว์

สำนักพระราชวังบักกิงแฮมแถลงเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ว่า ดยุคแห่งยอร์ก (เจ้าชายแอนดรูว์) จะทรงงดปฏิบัติภารกิจ และ จะสู้คดีในฐานะ “พลเมืองคนหนึ่ง” นอกจากนี้ ยังระบุจะไม่แสดงความคิดเห็นต่อคดีความที่กำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เจ้าชายแอนดรูว์ทรงปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นมาโดยตลอด

 

สำนักข่าวบีบีซี สื่อใหญ่ของอังกฤษรายงานว่า  เมื่อกลางเดือนพ.ย. 2019 เจ้าชายแอนดรูว์ทรงประทานสัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวที่ทรงไปพัวพันกับ นายเจฟฟรีย์ เอปสตีน นักการเงินทรงอิทธิพลชาวอเมริกัน ที่ฆ่าตัวตายในเรือนจำระหว่างรอพิจารณาคดีค้าประเวณีเด็กหญิงเมื่อเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน การตายของนายเอปสตีนยังเป็นที่กังขาอยู่จนถึงขณะนี้ หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ หรือถูกจงใจทำให้ดูเหมือนฆ่าตัวตาย

 

ปลายปี 2019 เจ้าชายแอนดรูว์ พระชันษา 59 ปี ทรงตอบคำถามสื่อมวลชนในรายการ นิวส์ไนท์ ของบีบีซี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทรงออกสื่ออย่างเป็นทางการหลังจากที่ทรงตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่ยังทรงคบค้าสมาคมกับบุคคลอื้อฉาวอย่างนายเอปสตีน แม้หลังจากเขาได้ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดทางเพศไปตั้งแต่ปี 2008 แล้วก็ตาม

เจ้าชายแอนดรูว์ กับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 มีผู้ถ่ายภาพเจ้าชายแอนดรูว์ขณะเสด็จออกจากบ้านพักหรูในนครนิวยอร์กของนายเอปสตีน หรือ 2 ปีหลังจากนายเอปสตีน ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานชักชวนผู้เยาว์ไปค้าประเวณี ขณะนั้น มีคลิปวิดีโอซึ่งหนังสือพิมพ์เมลออนซันเดย์ (Mail on Sunday) ของอังกฤษนำออกเผยแพร่ เผยให้เห็นเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งทรงพระยศดยุคแห่งยอร์ก ในบ้านพักหรูย่านแมนฮัตตันของนายเอปสตีน

 

เจ้าชายแอนดรูว์ ทรงยอมรับกับ เอมิลี เมตลิส ผู้ดำเนินรายการของบีบีซีว่า ทรงเสียใจกับการไปพำนักบ้านนายเอปสตีนในครั้งนั้น โดยตรัสว่า "ข้าพเจ้ายังโกรธตัวเองไม่หาย เพราะมันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมสำหรับสมาชิกราชวงศ์ เราพยายามปฏิบัติและรักษามาตรฐานสูงสุด และข้าพเจ้าทำให้ราชวงศ์ผิดหวัง"

 

"แต่ตอนนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดที่ทำเช่นนั้น และข้าพเจ้ายอมรับอย่างเต็มอกว่า การตัดสินใจของข้าพเจ้าในตอนนั้นมาจากนิสัยของข้าพเจ้าที่เป็นคนซื่อจนเกินไป" เมื่อผู้ดำเนินรายการทูลถามถึงการตัดสินพระทัยไปพักอยู่ที่บ้านของผู้กระทำผิดทางเพศ เจ้าชายแอนดรูว์ ทรงให้เหตุผลว่า "มันสะดวกที่จะไปพักที่นั่น"

 

ย้อนรอยคดีฉาว-พัวพันประเวณีผู้เยาว์

เจ้าชายแอนดรูว์ ประทานสัมภาษณ์กับรายการนิวส์ไนต์ของบีบีซีในช่วงปลายปี 2019 ว่า พระองค์ทรงพบกับนายเอปสตีน นักธุรกิจและไฮโซชาวอเมริกัน ผ่านพระสหายสนิทหญิงคนหนึ่งในปี 1999 โดยพระสหายหญิงคนดังกล่าว ทรงหมายถึง นางกิส์ลเลน แม็กซ์เวลล์ ซึ่งเป็นพระสหายกับพระองค์ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

 

พระนามของเจ้าชายแอนดรูว์ได้ปรากฏอยู่ในเอกสารของศาลในคดีแพ่งที่ฟ้องร้องต่อนายเอปสตีนเมื่อปี 2015 โดยหนึ่งในโจทก์ผู้ฟ้องร้องนายเอปสตีน คือ น.ส.เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนนามสกุลเป็น จุฟเฟร เธอระบุว่า เคยถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ถึง 3 ครั้ง คือระหว่างปีค.ศ. 2001 ซึ่งตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 17 ปี และในปี 2002 ที่กรุงลอนดอน , นครนิวยอร์ก และเกาะส่วนตัวของนายเอปสตีนในทะเลแคริบเบียน ทั้งนี้ ตามกฎหมายของรัฐฟลอริดา ถือว่าในขณะนั้นเธอยังเป็นผู้เยาว์

ภาพเจ้าชายแอนดรูว์กับเวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ ถ่ายที่บ้านพระสหายหญิงในปี 2001

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ ได้เคยรายงานเกี่ยวกับพระรูปของเจ้าชายแอนดรูว์กับเวอร์จิเนีย จุฟเฟร ในวัย 17 ปี  (สมัยใช้ชื่อ เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์) สถานที่ในภาพคือบ้านของกิส์ลเลน แม็กซ์เวลล์ ในกรุงลอนดอน เป็นภาพถ่ายเมื่อปี 2001 ในเวลาต่อมาเวอร์จิเนียได้ให้การว่า เธอ “ถูกบังคับ” ให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ แต่พระองค์ทรงปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์หรือความสัมพันธ์ทุกรูปแบบกับเธอ

 

อันที่จริง เจ้าชายแอนดรูว์ทรงยืนยันในการให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า พระองค์ “ไม่เคยพบ” กับนางจุฟเฟร (หรือ เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ ในขณะนั้น) ทรงระบุว่า "ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าเคยพบสุภาพสตรีคนนี้ จำไม่ได้เลยจริง ๆ"

 

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับคดีนี้คือ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ม.ค.) ศาลในนครนิวยอร์กมีคำพิพากษา ปฏิเสธคำร้องของเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งทรงมีพระประสงค์ให้ผู้พิพากษาตีตกคำฟ้องคดีแพ่ง ที่น.ส.เวอร์จิเนีย จุฟเฟร กล่าวหาพระองค์ทรงล่วงละเมิดทางเพศต่อเธอขณะยังเป็นผู้เยาว์ 

 

ผู้พิพากษายังให้ความเห็นว่า จุฟเฟร ซึ่งปัจจุบันอายุ 38 ปี สามารถดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายได้ต่อไป ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสภาพจิตใจของเธอ จากการตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณีและจากการล่อลวงของนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน จำเลยร่วมคนสำคัญในคดีนี้ ซึ่งใช้ผ้าปูเตียงในห้องขังผูกคอตัวเองเสียชีวิตไปแล้วในเรือนจำรัฐบาลกลางสหรัฐเมื่อปี 2019 เป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำระหว่างถูกขังเพื่อรอพิจารณาคดีในความผิดฐานเป็นพ่อเล้าจัดหาเด็กสาวและล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้หญิง รวมถึงมีภาพโป๊เด็กไว้ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก