นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ร่วมประชุมกับ คณะทำงานรับมือโควิด-19 ของรัฐบาลวานนี้ (19 ม.ค.) เพื่อขยายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค และประกาศว่า รัฐบาลตัดสินใจประกาศให้ กรุงโตเกียว และอีก 12 จังหวัดอยู่ภายใต้ภาวะกึ่งฉุกเฉินตามคำเรียกร้องของทางจังหวัด ซึ่งจะทำให้แต่ละจังหวัดสามารถเตรียมพร้อมระบบสาธารณสุขและออกมาตรการตอบรับกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลง
ประกาศภาวะกึ่งฉุกเฉินนี้ จะมีผลบังคับใช้ 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.จนถึงวันที่ 13 ก.พ. 2565 ครอบคลุมจังหวัด ไซตามะ, ชิบะ, คานางาวะ, กุนมะ, นิงาตะ, กิฟุ, ไอจิ, มิเอะ, คุมาโมโตะ, มิยาซากิ, นางาซากิ, คางาวะ และกรุงโตเกียว
ทั้งนี้ ให้อำนาจผู้ว่าการกรุงโตเกียวและผู้ว่าฯ อีก 12 จังหวัด สามารถขอความร่วมมือจากร้านอาหารและบาร์ให้ปิดบริการเร็วขึ้น รวมทั้งการงดหรือลดการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่กรุงโตเกียวมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7,377 รายเมื่อวันพุธ (19 ม.ค.) ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่ทำสถิติที่ 5,908 รายเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2564 แต่จำนวนผู้ป่วยยังไม่ถึงขั้นทำให้โรงพยาบาลเผชิญภาวะตึงตัว ขณะนี้โตเกียวมีผู้ป่วยครองเตียงเพียงเกือบ 1 ใน 4 ของทั้งเมือง และมีผู้ป่วยหนักเพียง 2% จากจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นมีความกังวลว่า โรงพยาบาลอาจไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้หมดในอนาคต หากแนวโน้มการระบาดยังพุ่งขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ และทำให้ผู้สูงอายุรวมทั้งผู้มีปัญหาสุขภาพ ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกความกังวล คือปัญหาการขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ เนื่องจากมีจำนวนเจ้าหน้าที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศญี่ปุ่นขณะนี้ ทำสถิติมีผู้ติดเชื้อรายใหม่(ทั่วประเทศ) 32,197 รายเมื่อวันอังคาร (18 ม.ค.) ซึ่งเกินกว่า 30,000 ราย/วัน เป็นครั้งแรก และทำลายสถิติเก่าที่ 25,992 ราย/วัน เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว (2564) ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นหลายเท่าตัวจากระดับวันละ 500 รายเมื่อช่วงต้นปีใหม่