นายอเล็กซานเดอร์ กรัชโค รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย กล่าวประณามการเพิ่มกำลังทหารของ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยระบุว่า นาโตกำลังสร้างภาพให้ รัสเซีย กลายเป็น “ปีศาจร้าย” เพื่อให้ตนเองมีความชอบธรรมในการเสริมกำลังทหารในฝั่งตะวันออก
"นาโตกำลังใช้ภาษาที่ข่มขู่และกดดันทางทหาร นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่" นายกรัชโคกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า นาโตได้เสริมกำลังทหารทั้งทางบก ทะเล และทางอากาศตามพรมแดนฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่รัสเซียอาจทำการโจมตียูเครนในไม่ช้า “สถานการณ์ที่เลวร้ายลงทำให้นาโตต้องเตรียมเรือรบ เครื่องบินรบ และกำลังทหารเพื่อความพร้อมในการปกป้องตนเอง ผมขอขอบคุณพันธมิตรที่ได้สนับสนุนกองกำลังนาโต และนาโตจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องพันธมิตรทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเพิ่มกำลังทหารในภาคตะวันออก และเราจะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลง"
ขณะนี้ สหรัฐอเมริกาได้เพิ่มกำลังทหารในยุโรปตะวันออกแล้ว ส่วนเดนมาร์กและสเปนส่งเรือรบและเครื่องบินขับไล่เข้าร่วมกองกำลังนาโตเช่นกัน ขณะที่ฝรั่งเศสประกาศความพร้อมที่จะส่งกำลังทหารเข้าสู่โรมาเนีย
ทั้งนี้ รัสเซียตรึงกำลังทหารเกือบ 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน และอาจบุกโจมตียูเครนในไม่ช้า ขณะที่การเจรจาระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับยูเครนยังคงไม่มีความคืบหน้า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐออกโรงเตือนวานนี้ (25 ม.ค.) ว่า การยกทัพโจมตียูเครนของรัสเซีย "อาจเป็นการรุกรานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2"
"การรุกรานนี้อาจเปลี่ยนแปลงโลก" หากทหารรัสเซียหลายหมื่นนายที่ตรึงกำลังตามแนวพรมแดนรัสเซีย-ยูเครนเปิดปฏิบัติการบุกโจมตีดินแดนยูเครน
ความเห็นของปธน.ไบเดนสอดคล้องกับความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขึ้นที่มองว่า ความขัดแย้งในยูเครนไม่น่าจะจำกัดอยู่ในวงแคบหรือดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ แต่ผลกระทบจะลุกลามไปทั่วยุโรปและภูมิภาคอื่น ๆ
เมื่อถูกถามว่าโอกาสที่รัสเซียจะยกพลบุกยูเครนนั้นเพิ่มขึ้นหรือลดลงตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เป็นการยากที่จะคาดเดาการดำเนินการขั้นต่อไปของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย
"รัสเซียเสริมทัพตลอดแนวชายแดนยูเครนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เบลารุสเป็นต้นไป ดูเหมือนพวกเขากำลังเตรียมลงมือทำบางอย่าง" ปธน.ไบเดนกล่าว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียมักจงใจใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือเกี่ยวกับท่าทีว่าจะบุกยูเครนหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น เศรษฐกิจรัสเซียยังต้องพึ่งพาการส่งออกพลังงานสู่ยุโรป แต่ขณะนี้รัสเซียมีแนวโน้มจะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจโดยองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หากว่าสุดท้ายแล้วรัสเซียตัดสินใจที่จะโจมตียูเครน
"หากปธน. ปูตินเดินหน้ารุกรานยูเครน ย่อมจะก่อให้เกิดผลลัพธ์รุนแรง โดยสำหรับรัสเซียนั้น ไม่เพียงต้องเผชิญผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่ยังจะเผชิญผลกระทบที่ใหญ่หลวงจากทั่วโลกด้วย" ผู้นำสหรัฐกล่าว
ขณะนี้สถานการณ์ยูเครนได้ทวีความตึงเครียด ทั้งสหรัฐและอังกฤษได้แจ้งให้ประชาชนของตนเร่งอพยพออกจากยูเครน ขณะที่นาโตประกาศเสริมกำลังทหารทั้งทางบก ทะเล และทางอากาศตามพรมแดนฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่รัสเซียอาจทำการโจมตียูเครนในไม่ช้า ขณะที่นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินแถลงว่า รัสเซียมีความกังวลเป็นอย่างยิ่ง หลังมีข่าวว่าสหรัฐได้เตรียมกำลังทหาร 8,500 นายพร้อมเคลื่อนพลไปยังยุโรป หากวิกฤตการณ์ยูเครนเลวร้ายลง
ขณะเดียวกัน นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า EC จะจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า 1.2 พันล้านยูโรให้กับยูเครนเพื่อลดผลกระทบจากความขัดแย้งกับรัสเซีย วงเงินดังกล่าวครอบคลุมทั้งเงินให้เปล่าและเงินกู้ฉุกเฉิน ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาของ EU จะให้การอนุมัติความช่วยเหลือดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีการส่งมอบเงินงวดแรกมูลค่า 600 ล้านยูโรต่อยูเครน
สื่อต่างประเทศรายงานว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียได้ผนวกคาบสมุทรไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2557 ทาง EU และสถาบันทางการเงินต่างๆของยุโรปได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อยูเครนรวมแล้วเป็นเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านยูโร