อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เนื่องจากเงินเฟ้อดีดตัวเหนือระดับ 2% และตลาดแรงงานอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง FOMC จึงคาดว่าเป็นการเหมาะสมที่จะ ปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น “ในไม่ช้า"
แม้แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ระบุกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 เป็นต้นมา
หลังจากเฟดเสร็จสิ้นการประชุมในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2565 เฟดจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 15-16 มี.ค. โดยไม่มีการประชุมในเดือนก.พ.แต่อย่างใด
นอกจากนี้ แถลงการณ์ระบุว่า เฟดจะยังคงปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวน 30,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้การทำ QE ของเฟดสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. พร้อมกับการเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าวเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ระบุว่าจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลเมื่อใด จากปัจจุบันที่พุ่งสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุแต่เพียงว่า "เฟดคาดว่ากระบวนการปรับลดขนาดงบดุลจะเริ่มขึ้น หลังจากที่มีการเริ่มกระบวนการปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น"
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. พร้อมกับคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งภายในปีนี้
ขณะที่วาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น
ข่าวระบุว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้ทำหน้าที่ประธานเฟดในการประชุมเมื่อวานนี้เป็นครั้งสุดท้ายของวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งมีวาระครบ 4 ปีในเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เสนอชื่อนายพาวเวลล์ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 และคาดว่าเขาจะได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐ
สำหรับ กำหนดการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำปี 2565 มีดังนี้