รัสเซียซ้อมรบนิวเคลียร์โชว์แสนยานุภาพ "ตัดไม้ข่มนาม"ชาติตะวันตก

19 ก.พ. 2565 | 01:11 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.พ. 2565 | 00:31 น.

ปธน.ปูติน จะเข้าร่วมสังเกตการณ์การซ้อมรบด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพรัสเซีย แสดงแสนยานุภาพทางการทหารในวันเสาร์ (19 ก.พ.) ท่ามกลางความขัดแย้งกับชาติตะวันตกในวิกฤตยูเครน และท่ามกลางข้อกล่าวหาที่ว่า "รัสเซียพร้อมรุกรานยูเครนได้ทุกเมื่อ"

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะเข้าสังเกตการณ์ซ้อมรบด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพรัสเซียในวันเสารนี้ (19 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น) โดยจะมีการยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัว (ballistic missile) และขีปนาวุธร่อน (cruise missile) ซึ่งถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซียท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤตแห่งความขัดแย้งกับชาติตะวันตกในกรณียูเครน

 

การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการทดสอบความพร้อมของศูนย์บัญชาการทางทหาร หน่วยปฏิบัติการสู้รบ เรือรบ และประสิทธิภาพของอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธที่ไม่ใช่นิวเคลียร์

 

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย

นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า การซ้อมรบในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกทางทหารที่มีการดำเนินการเป็นประจำ และไม่ได้บ่งชี้ถึงความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นกับชาติตะวันตกแต่อย่างใด

 

นอกจากนี้ นายเพสคอฟยังระบุว่า บทบาทของปธน.ปูตินในการซ้อมรบดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญ โดยปธน.ปูตินจะทำการสังเกตการณ์จาก"ศูนย์ตรวจสอบสถานการณ์"แห่งหนึ่งแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าเป็นที่ใด

การซ้อมรบครั้งนี้มีขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่สหรัฐเตือนว่ารัสเซียอาจบุกโจมตียูเครนได้ทุกขณะ หลังจากที่สหรัฐและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้ปฏิเสธ ข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซียที่ต้องการให้มีการรับประกันว่า

  • นาโตจะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก
  • นาโตต้องยุติการติดตั้งอาวุธใกล้ชายแดนรัสเซีย
  • สหรัฐและพันธมิตรจะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต

 

ข้อเรียกร้องทั้งหมดนี้ไม่ได้รับการตอบสนอง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังเปิดช่องให้มีการเจรจา ซึ่งล่าสุดทางทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีกำหนดการหารือกับชาติพันธมิตรในวันศุกร์ (18 ก.พ.เวลา 14.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 02.30 น.ของวันเสาร์ 19 ก.พ. ตามเวลาไทย) เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน ผู้นำสหรัฐจะหารือกับผู้นำของแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และจะมีการแถลงข่าวในวันเดียวกัน

ข่าวระบุ รัสเซียได้เพิ่มกำลังพลใกล้ชายแดนยูเครนสู่ระดับ 190,000 นาย

ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันเป็นวันที่ 2 ในดินแดนของยูเครน ระหว่างกองกำลังยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซีย ถือเป็นการจัดฉากของรัสเซียเพื่อเป็นข้ออ้างล่าสุดที่จะนำมาใช้ในการโจมตียูเครน

 

แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า การปะทะกันในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 ที่มีการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครนและฝ่ายกบฎ โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้นถึง 600 ครั้งในช่วงเช้าวานนี้ (18 ก.พ.) จากจำนวน 500 ครั้งเมื่อวันก่อนหน้า โดยคาดว่ามาจากกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืนครกขนาด 152 มม. และ 122 มม.

 

ด้านนายเดนิส พูชิลิน ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน ได้สั่งให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวทำการอพยพไปยังรัสเซีย หลังถูกยิงโจมตีจากกองกำลังยูเครน “รัสเซียได้ตกลงที่จะให้ที่พักอาศัยแก่ประชาชนแล้ว โดยผู้ที่เป็นเด็ก สตรี และคนชราควรรีบอพยพก่อน” นายพูชิลินกล่าว

 

ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งกลุ่มกบฎฝักใฝ่รัสเซียยึดครองอยู่

 

นายไมเคิล คาร์เพนเตอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำองค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) กล่าวว่า รัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารใกล้ชายแดนยูเครนสู่ระดับ 190,000 นายแล้วในขณะนี้ ซึ่งสวนทางกับข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียกำลังทยอยถอนกำลังพลบางส่วนออกจากชายแดนยูเครนเมื่อการซ้อมรบสิ้นสุดลง