ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศเมื่อวันจันทร์ (21 ก.พ.) ว่า เขาตัดสินใจยอมรับสถานะของ ภูมิภาคดอแนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของ ยูเครน และประชาชนใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร ว่าเป็น “รัฐอิสระ” โดยคำประกาศดังกล่าวยิ่งทำให้ความกลัวในหมู่ชาติตะวันตกทั้งหลายที่ว่า กองทัพรัสเซียกำลังจะบุกยูเครนในเร็วๆ นี้ ได้ยกระดับเพิ่มขึ้นในทันที
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ประกาศการตัดสินใจดังกล่าวผ่านทางโทรทัศน์ท้องถิ่น โดยกล่าวว่า ยูเครนนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์รัสเซีย และว่า ภูมิภาคตะวันออกของยูเครนคือ ผืนดินโบราณของรัสเซีย พร้อมกันนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่า ประชาชนชาวรัสเซียจะสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้
ทั้งนี้ ทำเนียบเครมลินเปิดเผยว่า ปธน.ปูติน ได้แจ้งผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้แล้ว โดยเขาได้รับคำร้องขอการประกาศอิสรภาพจากหัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนดังกล่าวในวันจันทร์ก่อนจะร่วมหารือประเด็นดังกล่าวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียในเวลาต่อมา
ภูมิภาคดอแนตสก์ คือพื้นที่ที่กลายมาเป็นสมรภูมิระหว่างกองทัพกรุงเคียฟและกองกำลังแบ่งแยกดินแดนมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) หรือหลังจากรัสเซียทำการผนวกคาบสมุทรไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้วราว 14,000 คน จากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่าย
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนต้องการให้รัสเซียลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและให้ความช่วยเหลือด้านการทหารเพื่อปกป้องพวกตนจากสิ่งที่ทางกลุ่มเรียกว่าเป็น การรุกรานทางทหารของยูเครนที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐสภารัสเซียร้องขอให้ปธน.ปูติน ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัสเซียยอมรับสถานภาพของภูมิภาคทั้งสองซึ่งประกาศอิสรภาพมาจากยูเครนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 แต่ยังไม่มีประเทศใดยอมรับทั้งคู่ในฐานะรัฐที่มีอธิปไตยเป็นของตนเองจนถึงบัดนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่า การที่รัสเซียประกาศยอมรับภูมิภาคตะวันออกของยูเครนว่าเป็นรัฐอิสระในครั้งนี้ อาจทำให้ความพยายามที่จะจัดการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุกรานยูเครนที่เพิ่งมีการหยิบยกขึ้นมานั้นล้มเหลวก่อนที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ