ภายหลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ตัดสินใจยอมรับสถานะของ ภูมิภาคดอแนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของ ยูเครน และประชาชนใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร ว่าเป็น “รัฐอิสระ” ซึ่งจากการประกาศรับรองเอกราชในครั้งนี้ ได้สร้างความกลัวในหมู่ชาติตะวันตกทั้งหลายที่ว่า กองทัพรัสเซียกำลังจะบุกยูเครนในเร็วๆ นี้ ได้ยกระดับเพิ่มขึ้นในทันที
ล่าสุดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สั่งการให้กองกำลังทหารรัสเซียเข้าประจำการในสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากปธน.ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาเพื่อรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระและความเป็นเอกราชของทั้ง 2 แคว้น
รายงานระบุว่า กองกำลังทหารของรัสเซียซึ่งถูกส่งเข้าไปดูแลความเรียบร้อยใน 2 แคว้นนั้นเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ
สำหรับสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์ และลูฮันสก์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และเป็นพื้นที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ฝักใฝ่รัสเซีย ซึ่งการที่ประธานาธิปดีปูตินลงนามรับรองความเป็นเอกราชของทั้ง 2 แคว้นนี้อาจกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน เนื่องจากถือเป็นการฉีกข้อตกลงมินสก์ ซึ่งมีเป้าหมายในการยุติสงครามแบ่งแยกดินแดนในดอนบาส หลังจากที่ได้คร่าชีวิตของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกองกำลังยูเครนถึง 15,000 คน
ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงเพื่อประกาศเอกราชของสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์ และลูฮันสก์ ประธานาธิปดี ปูตินได้กล่าวตำหนิสหรัฐ และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่แสดงท่าที่อันเป็นปรปักษ์ต่อรัสเซีย ด้วยการกล่าวหาว่ารัสเซียมีแผนที่จะยกพลบุกโจมตียูเครน
ประธานาธิปดีปูติน ยังมองว่า หากนาโตยอมรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก ก็จะนำไปสู่การจัดตั้งกองกำลังในเขตแดนของยูเครน ซึ่งจะเป็นภัยต่อรัสเซียในวันข้างหน้า