สำนักข่าวอิสรารายงานอ้างอิง การประเมินสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า การสั่งการของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ให้กระทรวงกลาโหมส่งกองกำลังสันติภาพเข้าไปประจำการในทั้ง 2 แคว้นข้างต้น คือ สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และ สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของ ยูเครน และมีพรมแดนติดรัสเซีย น่าจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียยังไม่ตัดสินใจส่งกำลังทหารเพื่อบุกยูเครนตามที่มีความวิตกกังวล แต่คาดว่ารัสเซียจะเลือกการคงกำลังทหารเอาไว้ใน 2 แคว้นนี้ และในคาบสมุทรไครเมีย เพื่อเป็นแนวตั้งรับการดำเนินการใดๆ ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) คล้ายๆ การเพิ่มแรงกดดันและเพิ่มอำนาจต่อรองไปยังนาโต
โดยท่าทีของนาโตที่รัสเซียคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ การรับเอายูเครนเข้าเป็นสมาชิก หรือการส่งกองกำลังนาโตเข้าประจำการในยูเครนอย่างเป็นทางการ นอกเหนือจากที่มีกองกำลังของนาโตประจำการอยู่แล้วในโปแลนด์ และประเทศยุโรปตะวันออกบางประเทศที่เข้าเป็นสมาชิกนาโตแล้วก่อนหน้านี้
สถานการณ์หลังจากนี้จะพัฒนาไปในทิศทางใด ขึ้นอยู่กับท่าทีและการกระทำของทั้งสองฝ่าย ซึ่งสามารถจำลองเป็น “ฉากทัศน์” (Scenario) หรือ สถานการณ์ในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ เป็น 4 แนวทาง ด้วยกัน ดังนี้
ฉากทัศน์ที่ 1 นาโตใช้วิธีการคว่ำบาตรผู้นำทั้งสองสาธารณรัฐที่ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช รวมถึงผู้เกี่ยวข้องของรัสเซีย แต่ยังไม่ตัดสินใจส่งกำลังเข้าไปสนับสนุนยูเครน และยังไม่ประกาศรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก
ถ้าสถานการณ์อยู่ในระดับนี้ คาดว่าแนวรบและการเผชิญหน้าระหว่างยูเครนและนาโตกับรัสเซีย จะจำกัดพื้นที่อยู่เฉพาะสองสาธารณรัฐ โดยนาโตอาจให้การสนับสนุนทางการทหารอย่างลับๆ แก่ยูเครน เช่นเดียวกับรัสเซียที่ได้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปใน 2 แคว้นตามคำแถลงของประธานาธิบดีรัสเซีย
ผลกระทบของสถานการณ์ตามฉากทัศน์นี้จะไม่กระทบกับโลกเป็นวงกว้าง แต่จะมีผลกระทบต่อประเทศที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับการสู้รบ ขณะที่การคว่ำบาตรของนาโตจะไม่มีผลต่อทั้งสองรัฐที่ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชมากนัก เพราะคงจะได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียอย่างเต็มที่ค่อนข้างแน่นอน
ฉากทัศน์ที่ 2 นาโตประกาศรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก และพร้อมส่งกำลังเข้าไปสนับสนุนยูเครน สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้รัสเซียใช้เป็นเหตุผลในการคงกำลังทหาร และหรือเสริมขีดความสามารถทางทหาร เช่น การประจำการอาวุธทางยุทธศาสตร์ไว้บริเวณพรมแดน รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงที่รัสเซียจะทำตามคำขู่ด้วยการตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้ายึดยูเครน ซึ่งจะทำให้เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน (ที่มีกองกำลังนาโตร่วมสนับสนุนอย่างจำกัด) โดยพื้นที่สงครามอาจขยายวงครอบคลุมถึงยุโรปด้วย
ฉากทัศน์ที่ 3 นาโตรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก และระดมสรรพกำลังและอาวุธจากประเทศสมาชิกเพื่อให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คาดว่ารัสเซียจะเริ่มนำอาวุธทางยุทธศาสตร์เข้ามาใช้ในสงคราม รวมทั้งดึงพันธมิตรของรัสเซียเข้าร่วมรบด้วย พื้นที่สงครามอาจครอบคลุมทวีปยุโรปทั้งหมด และเอเชียกลาง สถานการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศด้านความมั่นคงของโลกโดยรวมอย่างมาก และล่อแหลมที่สงครามจะขยายตัวกลายเป็นสงครามโลกได้
ฉากทัศน์ที่ 4 หากการทำสงครามตามฉากทัศน์ที่ 3 ขยายขอบเขตออกไปจนมีประเทศใดประเทศหนึ่งตัดสินใจนำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใช้ เช่น ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก จนพัฒนาไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์เช่นนี้จะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อโลก และมวลมนุษยชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาคมโลกมีความหวั่นเกรงอย่างยิ่ง
แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์พัฒนามาถึงฉากทัศน์ที่ 2 คาดว่าทุกฝ่ายจะเริ่มตระหนักถึงผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น และหันมาใช้หนทางการเจรจาทางการทูตเพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างกัน หันมาใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการแก้ไขปัญหา
ที่มา สำนักข่าวอิสรา