หน่วยงานด้านข่าวกรองประจำกระทรวงกลาโหมของ อังกฤษ ออกมาเปิดเผยวันนี้ (27 ก.พ.) ถึงความคืบหน้าของ สถานการณ์ในยูเครน ว่า กองทัพรัสเซีย ไม่สามารถรุดหน้าไปได้ตามที่วางแผนเอาไว้ เนื่องจากประสบปัญหาด้านการขนส่ง และเจอกับการต่อต้านที่เข้มแข็งของยูเครน
รายงานดังกล่าวยังชี้ว่า รัสเซียกำลังสูญเสียกำลังพล และมีส่วนหนึ่งถูกกองทัพยูเครนควบคุมตัวเอาไว้ได้ โดยไม่ได้ระบุออกมาเป็นตัวเลขที่แน่ชัด
ก่อนหน้านี้ นายโอเล็กซีย์ อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน อ้างว่า มีทหารรัสเซียได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมกัน 3,500 นายแล้ว ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้มีการกล่าวถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
หน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรยังพบรายงานว่า รัฐบาลรัสเซียกำลังปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดีย เพื่อปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนไม่ให้ประชาชนของตัวเองรับรู้
สถานการณ์ในเมืองเคียฟ นครหลวงของยูเครน ซึ่งถูกรัสเซียปิดล้อมเป็นวันที่สองแล้วนั้น ยังคงมีรายงานการต่อสู้ หรือการถูกโจมตีตลอดทั้งวัน โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วานนี้ (26 ก.พ.) ได้ยินเสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังสนั่นขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟ สว่างไสวขึ้นในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น
เบื้องต้นมีรายงานว่าเหตุระเบิดครั้งแรกน่าจะอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเคียฟไปราว 20 กิโลเมตร ขณะที่ระเบิดอีกลูกหนึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันตกของกรุงเคียฟในเวลาราวตี 1 โดยเกิดระเบิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินหลักแห่งที่ 2 ของกรุงเคียฟ
ต่อมามีรายงานว่าเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นสองครั้งนั้น น่าจะเกิดขึ้นใกล้กลับเมืองวาซิลกิฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเคียฟราว 30 กิโลเมตร เมืองดังกล่าวเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ และยังมีถังเก็บน้ำมันสำรองอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานว่าได้เกิดการสู้รบอย่างหนักในพื้นที่ดังกล่าวช่วงค่ำวันศุกร์ผ่านมา (25 ก.พ.) ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครน ต่อมาสื่อต่างประเทศรายงานว่า แหล่งเก็บน้ำมันสำรองในเมืองวาซิลกิฟ ซึ่งถือเป็นแหล่งเก็บน้ำมันสำรองของภูมิภาคเคียฟถูกโจมตีโดยจรวดรัสเซีย
ขณะเดียวกันสื่อท้องถิ่นของยูเครนรายงานอ้างอิงนายกเทศมนตรีเมืองวาซิลกิฟและที่ปรึกษารัฐบาลยูเครนยืนยันว่า เหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง พร้อมมีการเผยแพร่ภาพบนโซเชียลมีเดียที่แสดงให้เห็นถึงเปลวไฟขนาดใหญ่ลุกลามไปทั่วบริเวณดังกล่าวด้วย