นายอเล็กซ์ บอร์นยาคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงดิจิทัลของยูเครน เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี ที่ยังเพิกเฉยไม่ร่วมแบน รัสเซีย นั้น จะโดนประชาชนทั่วโลกโจมตีอย่างหนักแทน พร้อมวิงวอนขอให้บริษัทต่าง ๆ ทบทวนการตัดสินใจในประเด็นดังกล่าวเสียใหม่
ก่อนหน้านี้ บริษัท ไบแนนซ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโตฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงคอยน์เบส โกลบอล อิงค์ และคราเคนระบุว่า บริษัทจะยังทำธุรกิจในรัสเซีย และยังไม่มีแผนแบนการใช้งานแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์คริปโตโดยชาวรัสเซียแต่อย่างใด จนกว่าจะมีการออกข้อบังคับทางกฎหมาย
"ธุรกิจของภาคเอกชนสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระว่าจะเดินไปในทิศทางใด พวกเขาจะเลือกสนับสนุนคุณค่าแบบไหน และการตัดสินใจดังกล่าวจะสร้างผลประโยชน์แก่พวกเขาอย่างไรบ้าง" นายบอร์นยาคอฟเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ เขายังกล่าวด้วยว่า "แม้บางบริษัทจะเลือกทำธุรกิจกับรัสเซียต่อไป แต่ในท้ายที่สุดสังคมจะแบนธุรกิจของพวกเขา เพราะเราเห็นแรงสนับสนุนอย่างมหาศาลจากประชาชนทั่วโลก"
นับตั้งแต่ที่ชาติตะวันตกได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรชุดใหญ่ต่อรัสเซีย หลายบริษัทมีท่าทีที่แตกต่างกันไป โดยหลายบริษัทเลือกที่จะร่วมมือกับประชาคมโลกในการคว่ำบาตรรัสเซียผ่านการยุติการให้บริการในประเทศ ขณะที่บางบริษัทยังรอให้มีการประกาศเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการก่อนจึงจะดำเนินการ
ทั้งนี้ ภาคส่วนของคริปโตเคอร์เรนซีนั้นได้ถูกจับตา เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่ารัสเซียอาจสบช่องใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการคว่ำบาตร
ต้นสัปดาห์นี้ (8 มี.ค.) เยอรมนีเปิดเผยว่า ควรขยายมาตรการคว่ำบาตรให้ครอบคลุมถึงการห้ามใช้งานคริปโตในการทำธุรกรรมกับรัสเซีย ขณะที่เอสโตเนียเรียกร้องให้มีการจำกัดการซื้อขายคริปโตเพื่ออุดช่องโหว่ของมาตรการคว่ำบาตร