นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะหารือกับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับประเด็น รัสเซีย ส่งกำลังทหารบุกโจมตี ยูเครน รวมทั้ง การแข่งขันทางการค้า ระหว่างสหรัฐและจีน และประเด็นอื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความกังวลร่วมกัน "นี่เป็นความพยายามของเราที่จะยังคงเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกัน"
ก่อนหน้านี้ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ได้จัดการประชุมกับนายหยาง เจียฉือ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งการเจรจาใช้เวลานานถึง 7 ชั่วโมง แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
นายสตีเฟน โรช นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคคลเดียวในโลกที่จะสามารถโน้มน้าวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ในยูเครน นั่นก็คือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน
“เขา (ปธน.สี จิ้นผิง) ควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ เพราะสิ่งดีที่สุดที่จีนสามารถทำได้ในขณะนี้ก็คือการเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างรัสเซียและยูเครน" นายโรชกล่าวกับสำนักข่าว CNBC สื่อใหญ่ของสหรัฐเมื่อเร็ว ๆนี้
ก่อนหน้านี้ ท่าทีของจีนต่อกรณีการบุกโจมตีของรัสเซียนั้น ได้แก่ การที่จีนปฎิเสธจะเข้าร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียตามสหรัฐและชาติตะวันตก และยังได้งดออกเสียงต่อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในการประณามการที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน
ซึ่งท่าทีดังกล่าวนั้น นายโรชกล่าวว่า จีนจะดำเนินการผิดพลาด หากยังคงกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ในขณะที่ทั่วโลกกำลังกดดันต่อรัสเซีย ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้จีนถูกตราหน้าว่ามีความผิดร่วมกับรัสเซีย
"ปธน.สี จิ้นผิงจะนิ่งเฉยอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะสร้างจุดด่างพร้อยต่อประวัติของเขา"
อ่านเพิ่มเติม: วิกฤตยูเครน "สี จิ้นผิง" ออกโรง...ยืนข้างรัสเซีย