นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook : Thirachai Phuvanatnaranubala วิเคราะห์สถานการณ์โลก กล่าวถึง "วาระอินโด-แปซิฟิก ถึงขั้นต้องระแวดระวัง"
รูป 1 โจ ไบเดนประกาศว่า จะเชิญผู้นำอาเซียนไปพบที่ทำเนียบขาว ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.เป็นการแบไพ่ว่า สหรัฐต้องการใช้อาเซียนเป็นเครื่องมือ ในการเบียดจีน เพื่อจะขึ้นเป็นจ่าฝูงในภูมิภาคนี้
รูป 2 มีข่าวว่า นายกฯ ญี่ปุ่นมีกำหนดจะเดินทางมาไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม สิ้นเดือน เม.ย. เพื่อหารือเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองโลก หลังจากนั้น จะเดินทางไปเยือนประเทศยุโรป เพื่อหารือเรื่องยูเครนน่าแปลกที่ประเทศเอเซีย ที่ไม่ใช่สมาชิกนาโต้ จะออกหน้าเพื่อเจรจาความเมือง ในเรื่องความขัดแย้งไกลตัวในยุโรป
อาจจะบ่งชี้ว่า นาโต้มีเป้าหมายจะขยายขอบเขตมายังทวีปเอเซีย หรือไม่?
มีใครอยากจะเปลี่ยนชื่อจาก NATO North Atlantic Treaty Organization ไปเป็น WOTO World Treaty Organization หรือไม่?
ญี่ปุ่นกำลังออกหน้าเต็มตัว ในการตีกรอบจีน รูป 3 ข่าวเมื่อ 12 เม.ย. รมว.กต เตรียมจะเดินทางไปยุโรปตะวันออก สิ้นเดือน เม.ย. ในจังหวะเดียวกับนายกฯ แยกกันเดิน รวมกันตี
วัตถุประสงค์คือ เพื่อกล่อม 5 ประเทศ ซึ่งที่สำคัญคือ เคอกิจสถาน ทากิจสถาน และเติรคแมนนิสถาน ซึ่งจีนพยายามดึงเข้าโครงการหนึ่งเส้นหนึ่งแถบ
ระบุเป้าหมาย เพื่อจะอธิบายว่า เป็นกับดักหนี้ที่จีนวางไว้ เพื่อจะยึดทรัพย์สินภายหลังเมื่อไม่สามารถขำระหนี้คืน
และขากลับเขายังจะแวะไปที่มองโกเลีย ซึ่งอยู่ทีมเดียวกับเกาหลีเหนือ อันเป็นการแหย่หนวดเสือจีน ที่จีนเป็นจ่าฝูงของสองประเทศนี้
รูป 4 ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นก็ได้ส่ง รมว.กลาโหม เดินทางไปเยือนอิตาลี เพื่อกระตุ้นให้อิตาลีสนใจอินโด-แปซิฟิก ตีกรอบอิทธิพลของจีน
รูป 5 สิ่งล่อใจ คือ รมว.กลาโหมญี่ปุ่นเปิดรับอิตาลี เข้าร่วมในโครงการพัฒนาเครื่องบินรบ F-X ซึ่งจะสามารถหลบเรดาร์ และจะเป็นการสร้างยุทโธปกรณ์เชิงรุกสำคัญ ที่เล็ดรอดเข้าได้ถึงกรุงปักกิ่ง โรงงานสร้างจ่ออยู่หน้าบ้านจีน
รูป 6 ภายหลังการเยือนดังกล่าว รัฐสภาอิตาลีก็ได้มีมติ ให้อิตาลีร่วมกับสมาชิกอียูและสมาชิกนาโต้ ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกทั้งที่อิตาลีไม่มีผลประโยชน์หลักในภูมิภาคเอเซีย
รูป 7 โปรแกรมการฑูตเชิงรุก จะแถมด้วยผู้นำเยอรมนีเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงปลาย เม.ย. และตบท้ายด้วยไบเดนเดินทางมาเอเซียประมาณ 24 พ.ค.
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า สหรัฐขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกแบบเข้มข้น
ลำดับเหตุการณ์เริ่มต้น ด้วยทำแถลงการณ์ทางทหารร่วมกับไทย โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อด้วยสิงค์โปรชูธงอินโด-แปซิฟิก ที่จะเน้นสร้างแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ
และคราวนี้ ญี่ปุ่นเดินหมากกล่อมอาเซียน รวมทั้งจูงอิตาลีให้เข้ามาแทรกแซงในภูมิภาคเอเซีย ร่วมกับอียูและนาโต้ ทั้งที่เรื่องในเอเซีย ไม่ได้มีสิ่งล่อแหลมต่อความมั่นคงของนาโต้เลย
การที่สหรัฐวางหมากเพื่อประโยชน์ของชาตินั้น เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไทยจำเป็นต้องมีผู้นำที่ชาญฉลาด แยบยล และทีมต่างประเทศต้องฟุตเวิร์คถี่ เพื่อให้สามารถหลบหมัดของสหรัฐ ที่ไม่แน่ว่า อาจจะรัวออกมาเป็นชุด
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ