นักวิเคราะห์จาก เจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา ได้ปรับ ลดน้ำหนักความน่าลงทุน ของหุ้นไทยจากระดับ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" (Overweight) สู่ระดับ "คงน้ำหนักการลงทุน" (Neutral) วานนี้(2 พ.ค.) โดยให้เหตุผลว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทย ฟื้นตัวค่อนข้างช้า อันเป็นผลจาก ปัญหาเงินเฟ้อ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประกอบกับ สถานการณ์โควิด-19 ในจีนซึ่งยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาเยือนไทยตามที่คาดหวัง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนมองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นลดลง และเกิดความผันผวนของค่าเงิน
รายงานข่าวระบุว่า ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 นับเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ขณะนี้ได้เปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าประเทศได้โดยให้กักตัวน้อยมาก โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ทำรายได้คิดเป็นสัดส่วนถึง 12% ของ GDP ก่อนเกิดการแพร่ระบาด
นักท่องเที่ยวกว่า 1 ใน 4 ของทั้งหมด 40 ล้านคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อปี 2562 เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่แม้เมื่อไทยเปิดประเทศแล้ว เจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า การที่รัฐบาลจีนยังคงยึดมั่นกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) อย่างเหนียวแน่น ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เดินทางกลับมาเที่ยวไทยช้าลง
ในปีนี้ ไทยจึงคาดหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยระหว่าง 5 ล้านถึง 10 ล้านคนจากประเทศมาเลเซียและประเทศอื่น ๆในอาเซียน
อัตราการจองมาเที่ยวไทยล่วงหน้า (forward bookings) ในปีนี้ (2565) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 25% ของยอดจองในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่คาดว่าสิงคโปร์และฟิลิปปินส์จะมียอดจองในปีนี้ที่อัตรา 72% และ 65% ตามลำดับ
ข้อมูลอ้างอิง
JPM downgrades Thailand on fading tourism recovery and worsening macro conditions