วุฒิสภาสหรัฐ มีมติเห็นชอบอย่างท่วมท้นในการลงมติวานนี้ (13 พ.ค.) ให้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2
ทั้งนี้ วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 80-19 เสียง เห็นพ้องให้นายพาวเวลล์รับตำแหน่งประธานเฟดต่อไปอีก 4 ปี หลังจากที่เขาครบวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา
คะแนนเสียงที่นายพาวเวลล์ได้รับจากวุฒิสภาในครั้งนี้ ใกล้เคียงกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่เขาได้รับเสียงสนับสนุน 84-13 เสียง
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวลล์ มีภารกิจที่ยากลำบากรออยู่ข้างหน้า นั่นคือเขาต้องสกัดเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะถดถอย หลังจากหดตัวลงแล้ว 1.4% ในไตรมาส 1/65
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงโดยไม่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเธอมองว่า ปัจจัยที่จะช่วยให้สหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ได้แก่
"ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้บ่งชี้ว่าเฟดมีแนวทางที่จะทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย และดิฉันรู้ว่าเฟดพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว" นางเยลเลนกล่าว