รายงานของมาสเตอร์การ์ด อิโคโนมิกส์ อินสติติวท์ (Mastercard Economics Institute) บ่งชี้ว่า เที่ยวบินเพื่อการพักผ่อนและเพื่อธุรกิจ พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งนับเป็นการพุ่งขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เกิด การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
มาสเตอร์การ์ดเปิดเผย รายงาน "Travel 2022: Trends & Transitions" เมื่อวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) ระบุว่า หลังจากการวิเคราะห์ตลาด 37 แห่งทั่วโลกพบว่า ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2565 การเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศได้เพิ่มขึ้นแตะระดับเดียวกับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทาง
นายเดวิด แมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายกิจการเอเชีย-แปซิฟิก ตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ของมาสเตอร์การ์ด อิโคโนมิกส์ อินสติติวท์กล่าวว่า รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอุตสาหกรรมการเดินทางที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นความต้องการที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่ผู้บริโภคต้องการจับจ่ายใช้สอยหลังจากที่ต้องหยุดหรือลดการใช้จ่ายในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19"
รายงานของมาสเตอร์การ์ดยังระบุว่า การจองเที่ยวบินทั่วโลกเพื่อการพักผ่อนนั้น พุ่งขึ้น 25% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับสูงกว่าในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้แรงหนุนจากเที่ยวบินระยะใกล้และระยะกลางซึ่งปรับตัวขึ้นสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 (ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด)
นอกจากนี้ ยอดการจองเที่ยวบินธุรกิจก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดย ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2565 ยอดการจองเที่ยวบินธุรกิจพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับในปี 2562 เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
รายงานของมาสเตอร์การ์ดฯ ระบุว่า ถ้าหากการจองเที่ยวบินยังคงแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไป ก็ประมาณการณ์ได้ว่า จะมีจำนวนผู้เดินทางทางอากาศ (ผู้โดยสารเครื่องบิน) ทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 1,500 ล้านคนในปีนี้ (2565) เมื่อเทียบกับปี 2564