สำนักข่าวต่างประเทศเกิดเหตุ คนร้ายใช้ปืนกราดยิง ผู้คนในโรงงานของ บริษัทโคลัมเบีย แมชีน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองสมิธส์เบิร์ก รัฐแมรีแลนด์ของ สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 4 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น.ตามเวลาไทยในวันนี้(10 มิ.ย.)
โฆษกสำนักงานนายอำเภอเขตวอชิงตันเคาตี้เปิดเผยว่า คนร้ายซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อ ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐแมรีแลนด์ เขาถูกจับกุมและส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผลที่ถูกยิง อย่างไรก็ดี โฆษกยืนยันว่า การก่อเหตุครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชุมชนในละแวกโรงงานดังกล่าว
เหตุกราดยิงครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้การดำเนินงานในโรงงานของบริษัทโคลัมเบีย แมชีนต้องสะดุดลง ขณะที่โฆษกของบริษัทยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ข่าวระบุว่า บริษัทโคลัมเบีย แมชีน เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและจัดส่งให้กับลูกค้าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
ทางด้านสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังพื้นที่เกิดเหตุแล้วเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการกราดยิงในที่สาธารณะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2565 ได้เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส ทำให้เด็กนักเรียนและครูต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้าใจ ขณะที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน 14 พ.ค.2565 เกิดเหตุกราดยิงในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก
ทั้งคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมเมืองยูวัลดี และที่ก่อเหตุกราดยิงในเมืองบัฟฟาโล ต่างก็มีอายุเพียง 18 ปี และใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 เช่นเดียวกัน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 มิ.ย.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเพิ่งมีมติผ่านร่างกฎหมาย "Protecting Our Kids Act" ซึ่งกำหนดว่าผู้ที่มีสิทธิ์ซื้ออาวุธปืนจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 18 ปี นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังห้ามไม่ให้จำหน่ายปืนแม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนได้จำนวนมาก และกำหนดกฎข้อบังคับใหม่เกี่ยวกับการเก็บปืนไว้ที่บ้านอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ดี การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาและมีจุดยืนต่อต้านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน อาจจะทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบในวุฒิสภา