สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลแขวงโอซากา ในประเทศ ญี่ปุ่น ไม่รับคำร้องของ คู่รักเพศเดียวกัน 3 คู่ โดยตัดสินชี้ขาดให้คำสั่งห้าม การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน ไม่ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และศาลปฏิเสธคำร้องเรียกค่าเสียหายมูลค่า 1 ล้านเยน (7,400 ดอลลาร์) ต่อคู่
คำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวทำลายความหวังของกลุ่มผู้เรียกร้องสิทธิ LGBTQ ในญี่ปุ่นที่ต้องการกดดันรัฐบาลกลางให้แก้ไขปัญหานี้ หลังจากที่ศาลแขวงซัปโปโรตัดสินไปเมื่อเดือนมี.ค. 2564 ว่าการไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานของคนเพศเดียวกันถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นนิยามการแต่งงานไว้ว่ามีฐานมาจาก "ความยินยอมร่วมกันของทั้งสองเพศ"
อย่างไรก็ดี หลังจากที่โตเกียวผ่านร่างกฎหมายสิทธิ์การเป็นคู่ชีวิตของคนเพศเดียวกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ตลอดจนผลโพลที่มีเสียงสนับสนุนการแต่งงานของคนเพศเดียวกันเพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มนักกิจกรรมและทนายความ เกิดความหวังกับคดีในโอซากานี้ ท่ามกลางบรรยากาศการเฉลิมฉลอง Pride Month หรือ "เดือนแห่งความภาคภูมิใจ" ของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ที่จัดขึ้นทั่วโลกในเดือนมิถุนายน
(อ่านเพิ่มเติม : Pride Month Bangkok 5 มิ.ย. จากความเป็นมาที่ขมขื่นสู่กิจกรรมแห่งสีสัน)
อย่างไรก็ดี ศาลโอซากากล่าวว่า การแต่งงานถูกนิยามให้เป็นเรื่องระหว่างเพศตรงข้ามเท่านั้น และการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันยังไม่มีการอภิปรายมากเพียงพอในสังคมญี่ปุ่น
ภายใต้กฎหมายปัจจุบันของญี่ปุ่น คู่รักเพศเดียวกันไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่สามารถรับมรดกจากกันและกันได้ และไม่มีสิทธิ์ของบิดามารดาเหนือบุตร
ข่าวระบุว่า ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม G7 ที่ไม่อนุญาตให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้