นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ระยะเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) ที่แคว้นบาวาเรีย ท่ามกลาง ภาวะสงครามในยูเครน และผลของสงครามที่ทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงานและวิกฤติด้านอาหาร รวมทั้งผลพวงที่ตามมาคือ ราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งทะยานขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ประเด็นดังกล่าวกลายมาเป็นวาระหารือสำคัญของการประชุมครั้งนี้
ขณะเดียวกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 มิ.ย.) องค์การสหประชาชาติ (UN) ก็ได้ออกมาเตือนว่าจะเกิดวิกฤติความหิวโหยทั่วโลกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นับเป็นวาระร้อนระดับโลกที่ต้องหาแนวทางรับมือร่วมกัน นอกเหนือจากนี้ ยังคาดหมายว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มอิทธิพลของจีน และระบอบอำนาจนิยมที่เพิ่มขึ้น ก็จะเป็นวาระสำคัญที่บรรดาผู้นำกลุ่ม G7 จะหยิบยกขึ้นหารือกันในระหว่างการประชุม
เป็นที่คาดหมายว่า กลุ่มผู้นำประเทศ G7 จะแสดงความเป็นหนึ่งเดียวในการสนับสนุนยูเครนนานเท่าที่จำเป็น และเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย แม้จะพยายามหลีกเลี่ยง “การคว่ำบาตร” ที่อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น และส่งผลให้ค่าครองชีพแพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพลเมืองในประเทศของตัวเอง
แหล่งข่าวจากสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า เนื้อหาสาระสำคัญที่ผู้นำ G7 ต้องการสื่อออกมาจากการประชุมครั้งนี้ น่าจะเป็นการตอกย้ำที่ว่า กลุ่ม G7 จะเป็นเอกภาพ เป็นหนึ่งเดียวและให้ความร่วมมือกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็จะยังคงยึดมั่นกับความเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น
ร่วมออกแรงกดดันรัสเซีย ตัดน้ำเลี้ยงทุนทำสงคราม
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเผยว่า กลุ่มประเทศ G7 ได้เตรียมสั่งห้ามการนำเข้าทองคำจากรัสเซีย เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน โดยจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันอังคาร (28 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม G7 ที่เยอรมนี
ทองคำเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 ของรัสเซียรองจากพลังงาน และเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัสเซียรวมทั้งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ดังนั้น มาตรการล่าสุดที่เตรียมประกาศวันอังคารนี้ จึงมีเป้าหมายมุ่งทำลายความสามารถในการทำธุรกรรมของรัสเซียในระบบการเงินโลก
ข้อมูล ณ ปี 2564 ชี้ว่า การส่งออกทองคำของรัสเซียคิดเป็นมูลค่า 15,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความสำคัญเพิ่มขึ้นหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน เนื่องจากยังสามารถซื้อขายทองคำแท่งเพื่อเลี่ยงผลกระทบของการคว่ำบาตรได้
ขณะเดียวกัน การที่ลอนดอนเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำสำคัญของโลก จะทำให้การคว่ำบาตรของอังกฤษ (ซึ่งเป็นชาติสมาชิก G7) ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรัสเซีย
รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า การสั่งห้ามนำเข้าทองคำครั้งนี้จะมีผลกับทองคำที่ขุดได้ใหม่หรือสกัดใหม่ แต่จะไม่มีผลกระทบกับทองคำที่เป็นของรัสเซียที่ได้ส่งออกจากรัสเซียมาก่อนหน้านี้แล้ว
สำนักข่าว บีบีซี สื่อใหญ่ของอังกฤษรายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้มี 4 ชาติสมาชิก G7 ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ แคนาดา และญี่ปุ่น ที่เห็นพ้องกันแล้วว่าจะห้ามการนำเข้าทองคำจากรัสเซียเพื่อโจมตีขีดความสามารถของมอสโกในการหาทุนสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน ขณะที่อีก 3 ประเทศที่เหลือ ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ก็จะร่วมแบนด้วย สอดคล้องกับข้อความในทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ที่ระบุว่า
“กลุ่ม G7 จะประกาศร่วมกันว่า เราจะแบนการนำเข้าทองคำจากรัสเซีย ซึ่งเป็นการส่งออกขนาดใหญ่ที่สร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์แก่รัสเซีย”
ขณะเดียวกัน นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศขานรับว่า พวกเขาจำเป็นต้องตัดเส้นทางเงินทุนซึ่งเป็นน้ำเลี้ยงรัฐบาลปูติน ทั้งอังกฤษและชาติพันธมิตร G7 ต่างก็จะทำเช่นนั้น
ข่าวระบุว่า การแบนดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ หลังจากร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากสภาภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า