สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนทั่วโลก หลังนาย “ชินโซ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกยิงเข้าที่หน้าอกจากด้านหลัง ระหว่างกล่าวหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ใกล้สถานีรถไฟยะมะโตะ-ซะไดจิ ในเมืองนารา จ.นารา เมื่อเวลา 09.30 น. ตามเวลาไทย
อย่างที่ทราบกันดี ชินโซ อาเบะ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำประเทศที่ดำเนินนโยบายกลาโหมและการต่างประเทศอย่างดุดัน และยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกเรียกขานว่าเป็น "อาเบะโนมิกส์" (Abenomics)
ซึ่งหมายถึง นโยบายทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการโดยรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งนำโดยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธันวาคม 2555 พวกเขาได้รับการตั้งชื่อตาม ชินโซ อาเบะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่สองตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี 2563
ประวัติ ชินโซ อาเบะ
ชีวิตส่วนตัว
สมรสกับนางยูกิเอะ มัทสึซากิ อดีตนักจัดการวิทยุ เป็นลูกสาวของประธานบริษัทผู้ผลิตขนมหวานชื่อดัง เเละจากการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากไม่สำเร็จ ทำให้ทั้งคู่ไม่มีบุตรร่วมกัน
เส้นทางการเมือง
สมัยแรก
นายอาเบะถือเป็นนักการเมืองในฝั่งอนุรักษ์นิยม มีการดำเนินนโยบายการต่างประเทศและกลาโหมแบบแข็งกร้าว พยายามที่จะกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และให้การสนับสนุนสหประชาชาติ (UN) ในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่ดำเนินการทดลองนิวเคลียร์ ด้วยการห้ามไม่ให้เรือจากเกาหลีเหนือทั้งหมดผ่านน่านน้ำญี่ปุ่น
รวมไปถึงที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ โดยเฉพาะมาตรา 9 ที่ห้ามญี่ปุ่นมีกองทัพเพื่อจุดประสงค์อื่นนอกเหนือไปจากการป้องกันตนเอง จึงทำให้กองทัพญี่ปุ่น (จิเอไต) ในขณะนี้สามารถทำได้เพียงตั้งรับ แต่ไม่สามารถบุกประเทศอื่น ตามหลักสิทธิการป้องกันตนเอง (Right of Self -Defense) ได้
นโยบายภายในประเทศ เขาได้ให้สัญญาว่าจะยกระดับระบบบำนาญและประกันสุขภาพของญี่ปุ่นให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ดันมีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นว่ารัฐบาลทำเอกสารเบี้ยบำนาญสูญหาย ทำให้ผู้รับบำนาญกว่า 50 ล้านรายได้รับผลกระทบ
นายอาเบะต้องประกาศลาออกในเดือนกันยายน ปี 2007 แต่ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น พรรค LDP สูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสภาสูงให้กับพรรคฝ่ายค้านอย่าง DPJ
การกลับมาของอาเบะกับนโยบาย Abenomics
แม้ว่าจะลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อาเบะยังมีตำแหน่งในสภาล่าง ปี 2012 ได้รับเลือกให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค LDP อีกครั้ง พ่วงด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2
ในด้านเศรษฐกิจ ได้ริเริ่มนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Abemomics โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ตกต่ำมายาวนาน และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ทางภาคอีสาน ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามึในปี 2011
ยังดำเนินมาตรการผ่อนปรนทางการเงิน เพิ่มอัตราเงินเฟ้อเพื่อทำให้ค่าเงินเยนลดลงเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าห์และเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ กระตุ้นและปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ในช่วงเเรกเศรษฐกิจดีขึ้น แต่เติบโตช้าในเวลาต่อมา
เดินหน้าปฏิรูปรัฐธรรมนูญ โตเกียวโอลิมปิก และโควิด-19
เรียกว่าเป็นสมัยที่หนักหน่วงที่สุดของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอาเบะเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 9 เพื่อให้ญี่ปุ่นมีสามารถมีกองทัพของตัวเองหลังจากที่ถกเถียงกันมานาน ความพยายามเฮือกสุดท้ายของอาเบะก็คือ เรียกความเชื่อมั่นของต่างชาติต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับคืนมา ซึ่งแผนการนั้นก็คือการจัดโตเกียวโอลิมปิก 2020 เเต่เมื่อโควิด-19 เริ่มระบาด สุดท้ายก็ยกเลิกการจัดโตเกียวโอลิมปิก 2020 ไป ทำให้ทางการญี่ปุ่นขาดทุนมหาศาล
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2020 อาเบะได้ประกาศลาออกหลังจากทุบสถิติในการดำรงตำแหน่งนายกที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์มาได้เพียง 4 วันเท่านั้นด้วยอาการป่วยลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้เขาลาออกตอนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรกเมื่อปี 2007
ข้อมูลอ้างอิง : วิกิพีเดีย