กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอเมริกา ในปี 2565 ลงเหลือ 2.3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.9% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสะท้อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ขณะเดียวกัน IMF เตือนว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับความท้าทายในการหลีกเลี่ยง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีหน้า (2566) ลงเหลือ 1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 1.7% โดยการปรับลดคาดการณ์ GDP มีขึ้น หลังจาก IMF ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐ เพื่อประเมินนโยบายเศรษฐกิจประจำปีของสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (13 ก.ค.)
คณะบริหารของ IMF ระบุในแถลงการณ์ว่า "ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเป็นวงกว้างกำลังก่อให้เกิดความเสี่ยงในเชิงระบบต่อเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและทั่วโลก นโยบายการเงินที่ดีนั้น ควรจะให้ความสำคัญกับการชะลอตัวเลขค่าแรงและเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย นี่เป็นภารกิจที่ต้องใช้กลยุทธ์"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การทบทวนตัวเลข GDP ครั้งล่าสุดของสหรัฐ มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐปรับลดประมาณการตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2565 โดยระบุว่า GDP หดตัว 1.6% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% และ 1.5% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
นอกจากนี้ สหรัฐยังเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.2%
ทั้งนี้ IMF ยังระบุถึง “ความท้าทาย” เกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อ่านเพิ่มเติม: เงินเฟ้อ 9.1% เป็นเหตุ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง 1.0% ในการประชุม ก.ค.นี้
IMF คาดว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.6% ภายในไตรมาส 4/2565 และลดลงสู่ระดับ 1.9% ภายในไตรมาส 4/2566
"ถึงแม้การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวช้าลง แต่ก็คาดว่าจะทำให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในที่สุด" แถลงการณ์ของ IMF ระบุ