นายแพทย์ แอนโทนี เฟาชี ผู้มีบทบาทนำในการรับมือการระบาดของ โควิด-19 ของ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยวานนี้ (22 ส.ค.) ว่า เขาจะอำลาตำแหน่งเนื่องจากต้องเกษียณการทำงานภายในสิ้นปีนี้
นพ. เฟาชี วัย 81 ปี เป็นผู้อำนวยการของสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 โดยเมื่อปี ค.ศ. 2020 นายแพทย์ผู้นี้เป็นที่จดจำทั่วโลกจากการเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา
สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า นพ. เฟาชีมีบทบาทเป็นผู้เตือนให้ชาวอเมริกันฉีดวัคซีนเป็นประจำ โดยชาวอเมริกันส่วนมากเข้ารับวัคซีน แต่ก็ยังมีชาวอเมริกันส่วนน้อยจำนวนอีกหลายล้านคนที่มองว่า การฉีดวัคซีนเป็นการ ‘ละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล’ โดยผู้ที่ไม่ยอมรับประสิทธิผลของวัคซีนและไม่ยอมฉีดวัคซีนจำนวนมากได้เสียชีวิตลงเมื่อเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 และมีหลายคนที่ยอมรับในช่วงสุดท้ายของชีวิตว่า ความเชื่อของตนนั้นผิด
เมื่อมีการผลัดเปลี่ยนผู้นำสหรัฐ นายแพทย์ใหญ่วัย 81 ปีผู้นี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดย นพ. เฟาชีสนับสนุนการปิดสถานออกกำลังกาย ผับ-บาร์ ร้านอาหาร และโรงเรียน ในช่วงเดือนแรก ๆ ที่มีการระบาดของโควิด-19 จนกลายเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างรัฐบาลระดับรัฐและระดับท้องถิ่นในหลายมลรัฐ
อย่างไรก็ตาม นพ. เฟาชี ประเมินสถานการณ์และยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของสหรัฐที่มีจำนวนกว่า 1 ล้านคนต่ำไป โดยในช่วงแรก เขาให้คำแนะนำไปในทิศทางเดียวกับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขคนอื่น ๆ ว่า ผู้คนไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากในที่สาธารณะ และในช่วงแรกเขายังไม่ทราบว่า ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการก็สามารถแพร่เชื้อได้เช่นกัน
ในช่วงที่ใกล้หมดวาระการดำรงตำแหน่งนั้น อดีตปธน. ทรัมป์ ได้ตั้งคำถามถึงความเชี่ยวชาญของ นพ. เฟาชี ในการตัดสินใจดำเนินนโยบายการใส่หน้ากากอนามัยและที่มาของเชื้อไวรัสในจีน (อ่านเพิ่มเติม: “นพ. แอนโทนี เฟาชี” ทรัมป์ลืม โลกไม่ลืม) ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจำนวนมากก็ได้พึ่งพาความรู้ความสามารถด้านโรคติดต่อของเขา นพ.เฟาชียังปรากฎตัวในรายการข่าวทางโทรทัศน์บ่อยครั้ง เพื่อให้คำแนะนำการรับมือกับโควิด-19 แก่ชาวอเมริกันอีกด้วย
ตลอดอายุการทำงาน นพ. เฟาชี มีบทบาทในการให้คำแนะนำด้านการแพทย์และสาธารณสุขกับประธานาธิบดีสหรัฐจากทั้งสองพรรคมาแล้วถึง 7 คน โดยหลังจากนายแพทย์ผู้นี้ประกาศเกษียณอายุ ปธน. ไบเดน ได้ชื่นชมการทำงานของเขาที่อยู่กับรัฐบาลอเมริกันมานานถึง 50 ปี โดยไบเดนเอง ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานกับ นพ. เฟาชีในการรับมือกับโรคอีโบลาและโรคซิกาขณะที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐในยุคของอดีต ปธน. บารัก โอบามา
“หลายชีวิตในสหรัฐและทั่วโลก ได้รับการช่วยเหลือจากผลงานของ นพ. เฟาชีในวงการสาธารณสุข ไม่ว่าคุณจะเคยเจอตัวจริงของเขาหรือไม่ก็ตาม เขาได้สัมผัสกับชีวิตของชาวอเมริกันทุกคนแล้วผ่านการทำงานของเขา” ปธน. ไบเดนกล่าวสดุดี
ทางด้าน นพ. เฟาชี ระบุว่า เขาจะ “ทำงานบทใหม่” หลังเกษียณออกจากตำแหน่งแล้ว เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจและให้คำปรึกษาผู้นำด้านวิทยาศาสตร์รุ่นถัดไป”
อนึ่ง นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี เป็นแพทย์ที่มีความสามารถและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับโลก นายแพทย์ผู้นี้ได้รับ ‘รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล’ ประจำปี 2556 จากผลงานวิจัยที่โดดเด่น ที่แสดงให้เห็นว่าเชื้อไวรัสเอชไอวี มีการแบ่งตัวในต่อมน้ำเหลือง และไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ ส่งผลให้ผู้ได้รับเชื้อมีภูมิคุ้มกันต่ำและเจ็บป่วยจากการติดเชื้อฉวยโอกาส งานวิจัยดังกล่าวทำให้แพทย์สามารถประเมินผลสุขภาพผู้ป่วยหลังให้ยาต้านไวรัสชนิดผสมหลายตัวได้แม่นยำจากการตรวจเชื้อไวรัส (HIV Viral load) และซีดีโฟร์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างมาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยเชื้อไอชไอวีในปัจจุบัน โดยเปลี่ยนสภาพจากโรคที่รอวันตายมาเป็นโรคเรื้อรัง ที่สามารถทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้