กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 (King Charles III) พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่แห่ง สหราชอาณาจักร ทรงมีพระราชดำรัส ความยาว 9 นาทีครึ่ง และทรงสัญญาว่าจะสานต่องานของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วยความเป็นสมัยใหม่ในแบบฉบับของพระองค์เอง
ถ้อยความตอนหนึ่งของปฐมบรมราชโองการเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา มีความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง โดยกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสถึง การทรงงานของพระราชมารดาที่เป็นตัวอย่างมาตลอดพระชนม์ชีพ เบื้องหน้าของพระองค์มีพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ใส่กรอบวางอยู่บนโต๊ะทรงพระอักษร
“เช่นเดียวกับที่สมเด็จพระราชินีทรงงานด้วยความทุ่มเทอย่างแน่วแน่มั่นคง ข้าพเจ้าขอให้คำมั่นว่า จะเชิดชูหลักการตามรัฐธรรมนูญที่อยู่ ณ ใจกลางของชาติเรา ตราบเท่าที่พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเวลาให้กับช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิตข้าพเจ้า”
เนื้อความบางส่วนทรงระบุถึง บทบาทและสถานะของพระบรมวงศานุวงศ์แต่ละพระองค์ เช่น “เวลานี้เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงสำหรับครอบครัวของข้าพเจ้าเช่นกัน ข้าพเจ้าเชื่อในการสนับสนุนที่เต็มไปด้วยความรักของคามิลลา ภรรยาที่รักของข้าพเจ้า”
“เพื่อเป็นการแสดงการรับรู้ถึงงานเพื่อสังคมที่เธอทำอย่างมั่นคงเสมอมา ตั้งแต่การแต่งงานของเราเมื่อ 17 ปีก่อน เธอ (คามิลา) จะดำรงยศเป็นพระมเหสี”
ในส่วนที่เกี่ยวกับพระโอรสทั้งสอง กษัตริย์ชาร์ลส์ที่3 ตรัสว่า “ข้าพเจ้าทราบดีว่า (วิลเลียม) ซึ่งมีแคทเธอรีนอยู่เคียงข้าง ซึ่งทั้งคู่เป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ จะยังคงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นผู้นำกระแสของชาติ โดยจะช่วยให้คนที่อยู่ชายขอบได้เข้ามาอยู่ที่จุดศูนย์กลาง ที่ซึ่งพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ”
“ข้าพเจ้าขอแสดงความรักของข้าพเจ้าต่อแฮร์รีและเมแกน ซึ่งพวกเขาจะมีชีวิตของพวกเขาในต่างแดน”
ในช่วงท้ายพระองค์ตรัสถึงพระราชมารดาและปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ว่า “ในความศรัทธานี้ และคุณค่าที่ได้รับแรงบันดาลใจ (จาก Church of England) ข้าพเจ้าถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาพร้อมกับการรับรู้ถึงภาระหน้าที่ต่อผู้อื่น และให้มีความเคารพอย่างสูงสุดต่อประเพณีที่ทรงค่า เสรีภาพ และการมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ของเรา รวมทั้งระบบรัฐสภาอันมีเอกลักษณ์ของเรา”
“และท้ายสุด เสด็จแม่ (Mama) ที่รัก... เมื่อท่านเริ่มเดินทางอันยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายเพื่อไปพบกับเสด็จพ่อ (Papa) ที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอเพียงพูดว่า ขอบคุณครับ”