คำสั่งระดมพลสำรอง 300,000 นาย ของ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) เพื่อยกระดับการบุกโจมตี ยูเครน ได้ก่อให้เกิด กระแสการประท้วง ในหลายเมืองทั่วประเทศ โดยผู้ชุมนุมหลายพันคนได้ออกมารวมพลังต่อต้านคำสั่งดังกล่าว ทำให้มีผู้ถูกจับกุมจำนวนมากนับพันคน
วันนี้ (22 ก.ย.) สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีหลายความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นต่อเนื่องทั้งการเตรียมทำประชามติในดินแดนของยูเครนที่รัสเซียเข้ายึดครอง เพื่อผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ตามมาด้วยการชุมนุมประท้วงซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งเรียกระดมกำลังพลสำรองของผู้นำรัสเซียที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก รวมทั้งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน ราคาทองคำ และราคาน้ำมันดิบโลก
สื่อต่างประเทศรายงานว่า การเรียกระดมกำลังพลสำรองของรัสเซียครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ปธน.ปูตินจะระบุว่า ประกาศคำสั่งครั้งนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติ แต่ก็มีชาวรัสเซียจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงคราม และพวกเขาก็ออกมาประท้วงต่อต้านคำสั่งดังกล่าว จนทำให้มีผู้ถูกจับกุมแล้วนับพันคน
การจับกุมผู้ชุมนุมประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นในกรุงมอสโก ซึ่งมีการรวมตัวประท้วงหลายจุด โดยตำรวจได้กระจายกำลังเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม หลายคนตะโกนข้อความ ไม่เอาสงคราม และในวิดีโอคลิปที่มีผู้บันทึกภาพไว้ ก็เห็นภาพการวิ่งไล่จับกุมผู้ประท้วง
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการกรุงมอสโก ออกโรงเตือนว่า การเข้าร่วมชุมนุมประท้วงตามท้องถนนซึ่งมีการปลุกระดมทางอินเทอร์เน็ต อาจต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี และ อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจากการกระทำต่าง ๆ ดังนี้
รายงานข่าวระบุว่า กฎหมายว่าด้วยการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้การประท้วงต่อต้านสงครามในรัสเซียแผ่วๆไปตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เฉพาะในกรุงมอสโก เมืองหลวง มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงจำนวนมากกว่า 700 คน
นอกจากนี้ ในเมืองใหญ่อื่นๆ ก็มีการประท้วงด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต่อต้านการระดมพลเพื่อทำสงคราม เช่นที่เมือง Yekaterinburg มีประชาชนออกมารวมตัวเคลื่อนไหว และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไปอย่างน้อย 40 คน
กลุ่มองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนที่มาสังเกตการณ์การประท้วงเปิดเผยว่า มีรายงานยืนยันการประท้วงในอย่างน้อย 36 เมืองของรัสเซียวานนี้ (21 ก.ย.) รวมจำนวนผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมมากกว่า 1,000 คน เนื่องจากการประท้วงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งผิดกฎหมายในรัสเซีย อีกทั้งกฎหมายปราบปรามการประท้วง ก็มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวด
การประท้วงในรัสเซียครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นหลังจากที่ปธน.ปูติน ลงนามในกฎหมายเพื่อเริ่มกระบวนการเรียกระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นายทั่วประเทศโดยมีผลทันที ผู้นำรัสเซียประกาศว่า จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องประชาชนและดินแดนของรัสเซีย หากบูรณภาพดินแดนถูกคุกคาม รวมถึงการใช้อาวุธทำลายล้างสูงและนิวเคลียร์ด้วย
การระดมพลสำรองนี้เป็นการเรียกระดมพลแค่ส่วนหนึ่ง คือประมาณ 300,000 นายไม่ใช่กำลังสำรองทั้งหมดที่รัสเซียมีอยู่ และจะเรียกเฉพาะพลเรือนที่เคยได้รับการฝึกทหารและมีทักษะพิเศษอันเป็นที่ต้องการจะถูกเรียกตัวไปรบ
หากย้อนไปดูตอนเริ่มสงครามเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งรัสเซียเลี่ยงไปใช้คำว่า "ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร" รัสเซียส่งกำลังพลบุกยูเครนประมาณ 190,000 นาย ไม่นับรวมนักรบฝ่ายหนุนรัสเซียในแถบดอนบาส ที่ต้องการประกาศเอกราชจากยูเครน จากนั้นรัสเซียก็พยายามจัดหากำลังพลเพิ่ม ล่าสุดเดือน ส.ค. ปูตินลงนามคำสั่งขยายขนาดกองทัพครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยขยายเพิ่มจากประมาณ 900,000 นาย เป็นอีก 137,000 นาย รวมเป็น 1,150,000 นาย
นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่า การระดมพลครั้งนี้จะนำไปเสริมแนวป้องกันบริเวณชายแดนที่มีระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ขณะที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษ มองว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซียครั้งนี้อาจจะมีเจตนาลดการหนีทหารและลดแรงกดดันต่อกำลังพลที่รบอยู่
ข่าวระบุว่า ตามทฤษฎีแล้วหากสั่งระดมกำลังพลเต็มอัตรา รัสเซียอาจเรียกระดมกำลังได้ถึง 25 ล้านคน แต่ตัวเลือกนี้ยังไม่ถูกหยิบยกขึ้นพิจารณา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การระดมกำลังพลครั้งใหญ่นี้จะเรียกกำลังสำรองอายุเกิน 60 ปีเข้าไปด้วย
ในส่วนของยอดทหารเสียชีวิตซึ่งถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกหลังจากที่มีการเปิดเผยรายงานครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พบว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ทหารรัสเซียเสียชีวิตในสมรภูมิยูเครนแล้ว 5,937 นาย ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษ คาดการณ์เอาไว้ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตในยูเครนถึง 25,000 นาย ขณะที่ทางการยูเครนอ้างว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตมากกว่า 50,000 นาย ส่วนสหรัฐอเมริกาประเมินว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจสูงถึง 70,000 - 80,000 คน
อ่านเพิ่มเติม: ชาวรัสเซียแห่หนีทหาร เผ่นออกนอกประเทศ หลัง “ปูติน” ระดมพลทำสงครามยูเครน
การประกาศระดมพลของปธน.ปูตินมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในแคว้นลูฮันสค์ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียประกาศว่า จะจัดการลงประชามติผนวกดินแดนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียปลายสัปดาห์นี้ โดยการลงประชามติจะจัดในวันที่ 23-27 ก.ย.2565 หลังจากรอคอยมานานถึง 8 ปี
ทั้งนี้ การทำประชามติผนวกดินแดนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย จะเกิดขึ้นในพื้นที่เมืองโดเนทสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย หลังจากที่รัสเซียประกาศรับรองให้พื้นที่ยึดครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในโดเนทสค์และลูฮันสค์เป็นรัฐเอกราช ก่อนที่จะเปิดฉากบุกยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
ส่วนดินแดนภายใต้การยึดครองของรัสเซียในยูเครนขณะนี้มีไม่ต่ำกว่า 90,000 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น15% ของดินแดนยูเครนทั้งหมด รัสเซียอาจใช้ผลการลงประชามติครั้งนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองให้ชาติตะวันตก ยุติการส่งอาวุธประสิทธิภาพสูงให้ยูเครนเพื่อสนับสนุนการทำสงครามกับรัสเซีย