ชาวรัสเซีย แห่เดินทางออกนอกประเทศ หลังจากที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศ ระดมกำลังพลสำรอง จำนวน 300,000 นายเพื่อ ยกระดับการทำสงครามกับยูเครน โดยรายงานข่าวระบุว่า การประกาศของปธน.ปูติน ถือเป็นการเรียกระดมพลทหารรัสเซียเป็น “ครั้งแรก” นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
การประกาศเกณฑ์ทหารครั้งนี้ ทำให้ชาวรัสเซียวิตกว่ารัฐบาลอาจมีคำสั่งห้ามชายฉกรรจ์เดินทางออกนอกประเทศ หรืออาจต้องเกณฑ์ทหารจำนวนมากขึ้น ทำให้ประชาชนพากันเข้าเว็บไซต์ Aviasales เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางออกนอกประเทศ
สื่อรายงานว่า ตั๋วเดินทางเที่ยวเดียวไปต่างประเทศถูกซื้อจนขาดตลาด ขณะที่ราคาตั๋วเที่ยวเดียว ชั้นประหยัด จากมอสโกไปอิสตันบูลหรือดูไบ ราคาพุ่งไปถึง 9,200 ยูโร หรือมากกว่า 330,000 บาท แม้กระทรวงกลาโหมรัสเซียจะยืนยันว่า ผู้ที่เข้าข่ายถูกเกณฑ์ทหารจะต้องเคยเป็นทหารอาชีพมาก่อน โดยนักศึกษาและผู้ที่เคยเป็นทหารเกณฑ์จะไม่ถูกเรียกตัวแต่อย่างใด
ข้อมูลจาก Aviasales ระบุว่า ตั๋วโดยสารสำหรับเที่ยวบินตรงจากมอสโกไปยังนครอิสตันบูลของตุรกีและเมืองเยเรวานของอาร์เมเนีย ถูกขายจนหมดเมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) เนื่องจากชาวรัสเซียสามารถเดินทางไปยังนครอิสตันบูลและเมืองเยเรวานโดยไม่ต้องขอวีซ่า
นอกจากนี้ ตั๋วโดยสารออกจากกรุงมอสโกเพื่อไปยังเมืองต่างๆที่ต้องมีการต่อเที่ยวบิน ก็ขาดตลาดเช่นกัน
ด้านนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลรัสเซียอาจประกาศปิดพรมแดนเพื่อสกัดประชาชนที่พยายามหนีการเกณฑ์ทหารด้วยการหลบหนีออกนอกประเทศ
การประกาศระดมพลของปธน.ปูติน ไม่เพียงก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ชาวรัสเซีย แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟินแลนด์ ที่มีชายแดนร่วมกันกับรัสเซียความยาวถึง 1,300 กิโลเมตร
โดยล่าสุดวานนี้ (21 ก.ย.) นายแอนติ ไคโคเนน รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ ได้เปิดเผยต่อสื่อว่า ฟินแลนด์กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์ในรัสเซีย หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศระดมกำลังพล 300,000 นายเพื่อยกระดับการทำสงครามกับยูเครน
"ผมขอกล่าวว่าสถานการณ์ทางการทหารยังคงมีเสถียรภาพและมีความสงบ กองทัพของเรากำลังเตรียมพร้อม และจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" นายไคโคเนนกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้ลงนามรับรองเอกสารการขอเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มนาโต ของฟินแลนด์และสวีเดนแล้ว โดยทั้งสองประเทศได้ยื่นใบสมัครให้กับนาโตเมื่อเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจุดยืนความเป็นประเทศ “เป็นกลาง”ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายได้ของทั้งคู่มาอยู่ข้างเดียวกับนาโต หลังจากที่รัสเซียได้ส่งกองทัพเข้ารุกรานยูเครนเมื่อปลายเดือนก.พ.
หลังการลงนามรับรองการเข้าเป็นสมาชิกของฟินแลนด์และสวีเดนแล้ว สมาชิกที่มีอยู่ก่อนทั้ง 30 ประเทศของนาโตจะต้องให้สัตยาบันตามกระบวนการของแต่ละประเทศต่อไป ซึ่งกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกใหม่อาจต้องใช้เวลาเป็นปี อย่างไรก็ตาม ทั้งฟินแลนด์และสวีเดนต่างเคยมีประวัติศาสตร์การทำงานร่วมกับนาโตในฐานะประเทศหุ้นส่วนมาก่อน รวมถึงการเข้าร่วมประชุมกับสมาชิกอื่น ๆ และการเข้าร่วมซ้อมรบด้วย