การเมืองทำหุ้นร่วง "แจ็ก หม่า-เศรษฐีจีนแถวหน้า" รวยลดฮวบกว่า 1.3 ล้านล้าน

25 ต.ค. 2565 | 07:10 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ต.ค. 2565 | 14:35 น.

เศรษฐีจีนระดับท็อปเท็น รวมทั้ง "แจ็ก หม่า" แห่งอาลีบาบา และโพนี หม่า ผู้ก่อตั้งเทนเซ็นต์ ขนหน้าแข้งร่วงกราว ความมั่งคั่งในดัชนีเศรษฐีโลกจัดโดยบลูมเบิร์กลดฮวบในวันเดียวรวมมูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.3 ล้านล้านบาท หลังรายชื่อผู้นำโปลิตบูโรชุดใหม่ฉุดหุ้นร่วง

บรรดา เศรษฐีนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของจีน 10 อันดับแรก รวมทั้ง นายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา นายโพนี หม่า ผู้ก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจเทนเซ็นต์ และ นายจง ซานซาน บุคคลร่ำรวยที่สุดของจีน เจ้าของน้ำดื่มแบรนด์หนงฟู่ สปริง สูญเงินรวมกันจำนวนมากถึง 35,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 1.33 ล้านบาท หลังจากเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นจีน อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในจีน หลังมีการเปิดตัวทีมผู้นำชุดใหม่ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทและจงรักภักดีต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และต่างก็สนับสนุนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของปธน.สี


ข้อมูลจาก ดัชนี Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า ความมั่งคั่งของนายโคลิน หวง เจ้าของบริษัทพินตัวตัว (Pinduoduo) ลดลง 5,100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ความมั่งคั่งของนายโพนี หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทเทนเซ็นต์ และนายจง ซานซาน ซึ่งเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดของจีน ต่างก็สูญเงินมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ (24 ต.ค.) เนื่องจากราคาหุ้นบริษัทของพวกเขาร่วงลง หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนปรับคณะผู้นำในโปลิตบูโร

ความมั่งคั่งของนายโคลิน หวง เจ้าของบริษัทพินตัวตัว (Pinduoduo) ลดลงมากสุด 5,100 ล้านดอลลาร์

10 อันดับแรกเศรษฐีจีนในดัชนีของบลูมเบิร์ก ที่มูลค่าความมั่งคั่งร่วงลงเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2565 หลังราคาหุ้นดิ่งท่ามกลางกระแสการเมือง

นายโพนี หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทเทนเซ็นต์ สูญเงินมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์

นายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา โฮลดิ้งส์ ความมั่งคั่งของนายวิลเลียม ติง ผู้ก่อตั้งบริษัทเน็ตอีส และความมั่งคั่งของนายแจ็ก หม่า ลดลงรวมกัน 2,800 ล้านดอลลาร์

ส่วนความมั่งคั่งของนายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา โฮลดิ้งส์ และความมั่งคั่งของนายวิลเลียม ติง ผู้ก่อตั้งบริษัทเน็ตอีส ลดลงรวมกัน 2,800 ล้านดอลลาร์


ทั้งนี้ การปธน.สีได้นำผู้ที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญในโปลิตบูโร ได้ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเกิดความกังวลใจว่า จีนจะยังคงใช้มาตรการควบคุมความร่ำรวยและภาคธุรกิจ โดยเมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงรุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ในปี 2537 และนักลงทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผ่านทาง Stock Connect ซึ่งเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างหุ้นจีนและฮ่องกง

 

ส่วนหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

นายจง ซานซาน บุคคลร่ำรวยที่สุดของจีน เจ้าของแบรนด์น้ำดื่มหนงฟู่ สปริง สูญเงินมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนยังถูกเทขายต่อเนื่องในวันอังคาร (25 ต.ค.) ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา


เคนนี เหวิน หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านการลงทุนของบริษัทเคจีไอ เอเชียในฮ่องกงกล่าวว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีความเปราะบางมาก ขณะที่นักลงทุนรอดูว่าจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากมีการปรับทีมผู้นำในโปลิตบูโร

 

ข้อมูลอ้างอิง

China’s Richest Lose $35 Billion Following Xi’s Reshuffle