แถลงการณ์ร่วม "สี จิ้นผิง" ดึง EEC เชื่อมเขตเศรษฐกิจ กวางตุ้ง ฮ่องกง แยงซี

20 พ.ย. 2565 | 10:46 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2565 | 17:53 น.

เปิดแถลงการณ์ร่วมไทย-จีน ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ทวิภาคี นายกฯ ประยุทธ์ ดึง EEC ของไทย เชื่อมเขตเศรษฐกิจกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (YRD) ของจีน

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้สนทนาหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันเสาร์ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา  โดยทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน

 

ทั้งนี้ คณะผู้นำของสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่ประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกัน

 

“แถลงการณ์ร่วมระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่ประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น” ซึ่งออก ณ วันที่ 19 พ.ย. 2022 ในกรุงเทพฯ มีเนื้อหาดังนี้

1. สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ในกรุงเทพฯ และเยือนไทยระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย. 2022 ตามคำเชิญของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้หารือกับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ณ ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 19 พ.ย. 2022 ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติสำคัญฉบับใหม่ว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น รวมถึงหารือการพัฒนาของความสัมพันธ์ทวิภาคีในปัจจุบันและอนาคต

 

2. จีนแสดงความยินดีกับไทยที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ซึ่งสะท้อนความพยายามร่วมกันของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการผลักดันวิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 (Putrajaya Vision 2040) แห่งประชาคมเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น และสงบสุข ผ่านความสามัคคีและความร่วมมือเพิ่มขึ้น

 

ด้านไทยแสดงความยินดีกับจีนที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 ประสบความสำเร็จลุล่วง และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (CMC) อีกครั้ง รวมถึงแสดงความเชื่อมั่นว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษประการที่สองของการสร้างจีนเป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อันยิ่งใหญ่ในทุกด้าน และเดินหน้าการฟื้นฟูชาติจีนอย่างรอบด้านผ่านวิถีการสร้างความทันสมัยแบบจีน

3. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าเนื่องในวาระครบรอบ 10 ปี การเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-ไทย การประกาศการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น จะกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์ในอนาคต และเน้นย้ำว่า “จีนและไทยมีความใกล้ชิดดังครอบครัวเดียวกัน” ขณะทั้งสองประเทศเตรียมรับรองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย ในปี 2025

 

4. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นขยับขยายความไว้วางใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นสำคัญต่างๆ ของหลักการเกี่ยวกับอธิปไตยของชาติ การรวมชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดน โดยฝ่ายจีนเคารพเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ขณะฝ่ายไทยยึดมั่นนโยบายจีนเดียวอย่างแน่วแน่ และถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยก รวมถึงรับรองว่ารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของทั้งจีน โดยฝ่ายไทยสนับสนุนหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของจีน

 

5. ทั้งสองฝ่ายยกย่องชมเชยความก้าวหน้าของความร่วมมือเชิงปฏิบัติในทุกด้านของความสัมพันธ์จีน-ไทย แม้เผชิญความท้าทายจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งพิสูจน์ได้จากการแลกเปลี่ยนระดับสูงและการจัดการประชุมภายใต้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอันหลากหลาย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องการเสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์และเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์จีน-ไทย ระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (2022-2026) และแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการร่วมส่งเสริมแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยมุมมองของการเดินหน้าความร่วมมือเชิงปฏิบัติในทุกด้านและการสนับสนุนการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น

 

6. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นบรรลุแผนระเบียงการพัฒนาการเชื่อมต่อจีน-ไทย-ลาว ที่เชื่อมต่อทางรถไฟจีน-ลาว เข้ากับระบบรางของไทย ซึ่งจะขยับขยายเครือข่ายโลจิสติกส์เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน ตลอดจนการพัฒนาระดับอนุภูมิภาค

 

ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการประสานงานระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย และเขตเศรษฐกิจกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) รวมถึงเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (YRD) ของจีน โดยเฉพาะความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงอย่างยานยนต์ไฟฟ้า

 

7. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นร่วมมือด้านการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจในยุคหลังโรคโควิด-19 การบรรเทาผลกระทบจากภาวะขาลงของเศรษฐกิจโลกและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการรักษาความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร ผ่านการขยับขยายปริมาณการค้าทวิภาคีและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์การเกษตรและอื่นๆ

 

ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการขยับขยายความร่วมมือด้านต่างๆ อันสนับสนุนการพัฒนาในอนาคต เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องการขยับขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เศรษฐกิจสีเขียวและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อบรรลุการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง

 

8. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติอันดีและประสบการณ์การบริหารประเทศในด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น สุขภาพ การบรรเทาความยากจน และการพัฒนาชนบท และเสริมสร้างความร่วมมือของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ และการหลอกลวงฉ้อโกงทางโทรศัพท์

 

9. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญของการขยับขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเพื่อส่งเสริมไมตรี มิตรภาพ และความเข้าใจข้ามวัฒนธรรม โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความพึงพอใจต่อการกลับมาบริการเที่ยวบินระหว่างประเทศระหว่างจีนและไทย ขณะฝ่ายไทยเฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนตามการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางในจีน และขอบคุณฝ่ายจีนที่อนุญาตนักเรียนนักศึกษาไทยทยอยเดินทางเข้าจีนเพื่อศึกษาเล่าเรียนอย่างต่อเนื่อง

 

โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูงและขยับขยายความร่วมมือด้านการศึกษา วัฒนธรรม สื่อและสารสนเทศ รวมถึงความร่วมมือระหว่างเมืองพี่เมืองน้องอย่างสอดคล้องกับหลักการของความเท่าเทียม การมีผลประโยชน์ร่วมกัน และความยั่งยืน

 

10. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคและส่งเสริมการประสานงานระหว่างยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (LMC) ด้วยมุมมองของการส่งเสริมการบูรณาการระดับอนุภูมิภาค การส่งเสริมการเชื่อมต่อ การค้าและการลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งผ่านความร่วมมือด้านสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ทรัพยากรน้ำ และการสร้างความเป็นดิจิทัล ซึ่งไทยยืนยันความพร้อมของการเป็นประธานร่วมของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในสมัยหน้า

 

11. ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามฉันทามติที่บรรลุ ณ การประชุมสุดยอดจีน-อาเซียน สมัยพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาจีน-อาเซียน ตลอดจนยึดมั่นภูมิภาคนิยม และร่วมรักษาความเป็นกลางของอาเซียนในโครงสร้างระดับภูมิภาคที่มีการเปลี่ยนแปลง และเดินหน้าการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-อาเซียน ผ่านการสร้างบ้านที่สงบสุข ปลอดภัยและมั่นคง มั่งคั่ง สวยงาม และรักใคร่ปรองดองกัน

 

โดยทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) และมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (AOIP) และรับรองการปฏิบัติตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างมีคุณภาพ

 

12. ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญยิ่งยวดกับการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้แผนริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI) เพื่อเร่งแนวทางการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี 2030 โดยจีนยกย่องชมเชยเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ที่ไทยนำเสนอ และพร้อมแสวงหาการเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม ร่วมกับไทยโดยอ้างอิงปรัชญาการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

 

13. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจีนและไทยแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมวงกว้างในหลายด้านเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพระดับภูมิภาคและระดับโลก และจะบุกเบิกความร่วมมือภายใต้กรอบการทำงานของแผนริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (GSI) รวมถึงรักษาการสื่อสารและการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือผลกระทบจากความท้าทายด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ อาทิ การก่อการร้าย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความมั่นคงทางไซเบอร์

 

14. ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินความพยายามร่วมกันเพื่อส่งเสริมลัทธิพหุภาคีและความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกระดับผ่านการเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือภายใต้กรอบการทำงานของสหประชาชาติและกลไกพหุภาคีอื่นๆ ด้วยมุมมองของการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง ความมั่งคั่ง และการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน รวมถึงการรับมือภัยคุกคามและความท้าทายใหม่

 

15. มีการลงนามเอกสารความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น การลงทุน อีคอมเมิร์ซ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างการเดินทางเยือนครั้งนี้